ากพูดถึงนางเอกสาว ที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่น หนึ่งในนั้นคือ โม-มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ ที่ตลอด 12 ปีในวงการของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผ่านทั้งดราม่าและเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ จนหล่อหลอมให้กลายเป็น โม เวอร์ชันที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับพัฒนาการฝีมือการแสดงที่จัดจ้านขึ้นเช่นกัน วันนี้ “ดาวต่างมุม” มีโอกาสได้เปิดใจสาวสวยคนนี้ ทั้งผลงานล่าสุด “วงศาคณาญาติ” ละครดาร์กคอมเมดี้ ผลิตโดย “CHANGE2561” ที่กำลังโด่งดังทั่วภูมิภาค South East Asia ถูกซื้อลิขสิทธิ์ออกอากาศในหลายประเทศ นอกจากนี้ยังพูดคุยชีวิตในวงการ ทั้งเรื่องที่เธอโดนตัดสินว่า “เหวี่ยง” เพราะเหตุหน้านิ่ง วิธีรับมือกับดราม่า ไปจนถึงสิ่งที่อยากประสบความสำเร็จบนเส้นทางนักแสดง และไม่พลาดเปิดหัวใจที่ตอนนี้กลับมาเป็นสีชมพูอีกครั้ง พร้อมรักครั้งใหม่กับหนุ่มนอกวงการ รวมทั้งมุมมองความรักเวอร์ชันที่เติบโตขึ้น

คิดว่า “พริม” ต่างหรือท้าทายจากที่ผ่านมายังไง  เตรียมตัวมารับบท “พริม”  ยังไงบ้าง?

“คือ “พริม” ต้องดีลกับคนเยอะมาก อย่างที่เห็นในละคร ญาติเยอะมากก็จะหลากหลายความต้องการ โมว่าสิ่งที่ต้องเตรียมตัวหนักเลยก็คือจำชื่อคน ทั้งชื่อจริง ๆ และชื่อในละคร เพราะคนเยอะมาก (หัวเราะ) อย่างที่สองก็คือสิ่งที่พริมต่างจากโมเยอะมากคือพริมเป็นคนพุ่งชนเลย สู้เพื่อความถูกต้อง ไม่สนอย่างอื่น แต่โมจะรู้สึกว่าบางคำมันพูดกับผู้ใหญ่ได้เหรอ อย่างที่เห็นในละคร ก็จะมีต่อปากต่อคำกับคุณหญิงย่าเยอะมาก แต่เป็นโม โมไม่กล้า (ยิ้ม) พริมต่างจากตัวโมเยอะมาก อย่างบ้านโมไม่ได้เป็นครอบครัวใหญ่ พ่อแม่โมค่อนข้างตามใจ เลยไม่เหมือนพริมเลย”

คิดว่า “พริม” สะท้อนแนวคิดของผู้หญิงในยุคนี้   ยังไงบ้างมั้ย?

 “โมคิดว่าการคลุมถุงชนสมัยนี้มันห่างไกล ยุคนี้ 2023 ไม่น่ามีการคลุมถุงชนแล้ว เลยคิดว่าพริมเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อสิทธิตัวเอง ส่วนสิ่งที่อยากให้คนที่ได้ดูเรื่องนี้ได้รับ มีเยอะมาก โมชอบอย่างนึงตรงที่เป็นละครดาร์ก คอมเมดี้ คือดูแล้วตลกแต่มันจริง ทำให้คนดูไม่เครียดเกินไป และจะมีพวกคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ในบทที่ตัวละครพูดเยอะมาก อย่างพ่อแม่ควรให้ความรักลูก ไม่ใช่การบังคับ หรือการแย่งสมบัติ สุดท้ายเรื่องมันจะค่อย ๆ บอกไปเองว่าคนเราทำอะไรก็ได้แบบนั้น”

ก่อนหน้านี้รับบทร้ายใน “คู่เวร” ที่สร้างความประทับใจให้แฟน ๆ พอกลับมารับบทนางเอก คาดหวังงานแสดงครั้งนี้ยังไง?

“โมไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น แต่โมคาดหวังให้คนดูสนุกมากกว่า และได้เมสเสจจากเรื่องนี้  ส่วนบทบาทโมว่ามันก็เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละเรื่อง อย่างที่โมเล่นบท “หวาน” ใน “คู่เวร” ก็สอนคนดูเยอะมาก พอเรื่องนี้บทพริมมันก็ต่างกัน ก็เป็นการพิสูจน์ฝีมือเราด้วย หลังจากที่รับบทร้ายแล้วมารับบทนางเอก ถามว่าคนดูจะเชื่อมั้ย โมว่าคนดูเขาแยกได้  มันเป็นความท้าทายและความเป็นอาชีพของเราด้วยค่ะ”

ถามถึงชีวิตในวงการบ้าง คิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปจากวันแรกที่เข้ามาในวงการบ้างมั้ย ในเชิงมุมมองความคิดต่าง ๆ?

“โมว่าสนุกเหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่เข้ามาเลย แต่ด้วยความที่เราโตขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้น เราจะรู้ว่าเราแบบแค่นี้ได้ แค่นี้ไม่ได้ เราต้องวางตัวยังไง เราต้องรู้ตัว มีสติมากขึ้นค่ะ”

“โม” เป็นนางเอกที่ไม่ได้อยู่ในกรอบตั้งแต่แรก เราจะเห็นมุมเป็นคนพูดตรง ๆ  ตอนเข้าวงการมาแรก ๆ มีอึดอัดกับการโดนจับตามองบ้างมั้ย? 

“แวบแรกที่คิดออกตอนนี้ คือตอนนั้นไม่เข้าใจเลยว่า อ้าว! เมื่อสิ่งนั้นผิด ทำไมเราถึงพูดไม่ได้  มันผิดตรงไหน แต่ว่าทุกที่ทุกอย่าง มันมีกฎ มีระเบียบ มีจารีตของเขา เราต้องเรียนรู้ เหมือนเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เราก็เรียนรู้ไปตามสเต็ป ตามอายุและประสบการณ์ ถามว่า ณ วันนี้ปรับตัวได้แล้วรึเปล่า โมเรียกว่าเข้าใจมากกว่า ไม่ใช่แค่วงการนะ แต่เข้าใจพื้นฐานของมนุษย์ สังคมหรืออะไรก็แล้วแต่มากขึ้น อะไรที่เราไม่ชอบ เราก็แค่มองไปอื่น อะไรที่ไม่ได้กระทบจิตใจขนาดนั้น ปล่อยได้ก็ปล่อยค่ะ”

เป็นอีกคนที่มักโดนตัดสินจากภายนอก ด้วยความที่อาจหน้านิ่ง เคยบั่นทอนมั้ย มีวิธีปรับตัวหรือเอาชนะสิ่งเหล่านี้มาได้ยังไง?

 “เมื่อก่อนโมนอยด์นะ แม้หน้าจะดูไม่แคร์ (ยิ้ม) กลับบ้านก็คิดทำไม ฉันทำอะไรผิด คนรอบตัวโมจะรู้ว่าโมเป็นคนขี้นอยด์ แต่โมแค่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นถ้าไม่ใช่คนที่เราสนิท แต่พอมาถึงจุดนึง โมรู้สึกว่าเราแบกรับสิ่งเหล่านี้ไว้คนเดียวไม่ได้ เหมือนเรากำความทุกข์เอาไว้ สุดท้ายมือของเราก็จะหนักเอง ถ้าปล่อยได้ก็ช่างมัน เป็นสิ่งที่เขามองเราไม่ดี ก็เป็นความทุกข์ของเขา ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรให้เขานะ มันไม่ใช่ความทุกข์ของเรา โมคิดแบบนี้เลยรู้สึกว่าปล่อยวางได้ มีความสุขกับตัวเองมากกว่า”

มา ณ วันนี้ “โม” เวอร์ชันที่ใช้ชีวิตในวงการมาแล้ว 12 ปี มีวิธีรับมือกับเสียงวิจารณ์หรือดราม่าที่เข้ามายังไง?

“อะไรที่ตักเตือน หรือสิ่งที่เราไม่น่ารักจริง ๆ ก็น้อมรับและมาปรับปรุง แต่บางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องอะไรเลย เราก็ต้องปล่อยผ่านไป เพราะการพิมพ์มันง่ายมากเลยนะ แต่เราจะเอาจิตใจ หรือเอาชีวิตเราไปผูกให้มันทุกข์กับสิ่งนั้นไปทำไม มันไม่มีประโยชน์ พูดง่ายนะ แต่ทำจริง ๆ ยาก ไม่ใช่ว่าโมทำได้แบบกดสวิตช์แล้วทำได้ โมใช้เวลาหลายปีมาก กว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ค่ะ”

เคยมีช่วงท้อกับเสียงวิจารณ์ หรือมี  คำพูดไหนบั่นทอน จนไม่อยากไปต่อในวงการบ้างมั้ย?

“บั่นทอนมั้ย รู้สึกเสียใจมั้ย ใช่ แต่ไม่เคยมีอันไหนที่ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ในวงการนี้แล้ว ไม่อยากไปต่อแบบทุกข์ใจก็ไม่มี โมรู้สึกว่ามันคือชีวิตของเรา เราทำตรงนี้แล้วเรามีความสุข แค่คำพูดของคนอื่นมันเล็กน้อยมาก ไม่ควรเก็บมาใส่ใจค่ะ”

ทำงานในวงการ ให้บทเรียนอะไรกับ “โม” ที่สุด?

“เข้าใจคนอื่นและเข้าใจตัวเองค่ะ ไม่ง่ายเลยอะ ชื่อเสียงเงินทองก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ว่าการเข้าใจคนอื่นและเข้าใจตัวเองมันเป็นบทเรียนที่ใหญ่สำหรับโม เมื่อก่อนโมไม่เข้าใจว่าทำไมคนนั้นเป็นอย่างนั้น ทำไมคนนี้เขาทำอย่างนี้ คือเราต้องเข้าใจก่อนว่าคนเราเติบโตมาไม่เหมือนกัน เจอสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน ด้วยความที่โมต้องเล่นเป็นตัวละครหลากหลายมาก ๆ ต้องทำการบ้านเยอะมาก ทำให้โมต้องเข้าใจมนุษย์ในหลากหลายรูปแบบมาก ๆ โมเลย อ๋อ! คนนั้นเขาทำแบบนั้น  อาจเป็นเพราะเขาเจอสิ่งนี้มา มันทำให้เราปล่อย ให้อภัยเขาได้ง่ายขึ้นค่ะ”

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา มีอะไรที่รู้สึกว่าอยากกลับไปแก้ไขหรือทำให้ดีขึ้นบ้างมั้ย?

“เคยมีค่ะ มีหลายเหตุการณ์ที่คิดว่าถ้าวันนั้นเราไม่ทำอย่างนั้น มันคงจะดีกว่านี้ แต่สุดท้าย มันไม่มีคนที่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ โมรู้สึกว่าเราคิดแบบนั้น มันจะทำให้เราเป็นทุกข์ เราลองคิดใหม่ว่าถ้าวันนั้นเราทำแบบนั้นไป โอเค เราเจ็บปวด เราทำให้คนอื่นเสียใจ แต่ว่าสุดท้ายเราได้ประสบการณ์จากตรงนั้น ทำให้เรามาเป็นคนอย่างทุกวันนี้ คนที่ดีขึ้น ในทางที่ดีค่ะ”

ในฐานะนักแสดง อยากประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้ยังไง?

“ความสำเร็จแต่ละคนน่าจะไม่เท่ากัน อย่างโมรู้สึกว่าความสำเร็จของโม คือการที่ไปทำงานแล้วมีความสุข คือทุกวันนี้โมไปทำงานแล้วมีความสุข ตอนนี้โมอาจเป็นนักแสดง แต่โมชอบงานในวงการ วันนึงโมอาจเป็นผู้จัด ไปทำงานเบื้องหลัง หรืออาจเป็นโปรดิวเซอร์ก็ได้ แต่ ณ จุดนี้ความสำเร็จของโม คือโมอยากตื่นไปทำงานทุกวันแล้วมีความสุข อันนี้คือความสำเร็จของโม”

ชื่อเสียง เรตติ้ง หรือถ้วยรางวัล ไม่ใช่ปัจจัยวัดความสำเร็จ?

“ถ้ามันได้ก็ดีค่ะ มันก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง แต่ถ้าแบบปีนี้ต้องได้รางวัล มันก็เป็นความทุกข์แล้ว แค่เรารู้ว่าเราทำให้ดีที่สุดก็พอ คนเห็นหรือไม่เห็นอีกเรื่องนึง ส่วนมุมมองเรื่องการแข่งขันในวงการบันเทิง จริง ๆ การแข่งขันสูงมาก แต่เราก็เป็นเรา ไม่ต้องพยายามเป็นคนอื่น คือคนจะชอบเรา ที่เราเป็นเรา ไม่ใช่ทำอะไรแบบกระแสอันนี้มา เราจำเป็นต้องทำ โมทำได้บ้างสนุก ๆ แต่สุดท้ายโมก็กลับมาเป็นโมอยู่ดีค่ะ เป็นคนอื่นมันไม่ได้นาน”

เวลาคนพูดชื่อ “โม-มนชนก” ณ ตอนนี้ อยากให้คนคิดถึงอะไรมากที่สุด?

“ให้พูดแบบโจ๊ก คือยังต้องถามอีกเหรอ (หัวเราะ) มันก็จะมีพ่วงท้ายมา ยิ่งในติ๊กต็อกก็มากมาย ไม่รู้เหมือนกัน คำแรกที่ขึ้นมาก็ “โม-มนชนก เหวี่ยง” อะ  ส่วนอยากให้คนมองโมว่าอะไร แต่โมก็เป็นโม แค่พูดว่าโม-มนชนก เขาก็นึกถึงหน้าโมลอยมาแล้ว อาจเป็นหน้าเวอร์ชันเหวี่ยง ๆ รึเปล่า กับผมสั้น 2 อย่างที่เป็นคาแรกเตอร์”

เวลาคนนึกถึงเราแล้ว มีคำว่า “เหวี่ยง” ตามมารู้สึกนอยด์มั้ย?

“เมื่อก่อนนอยด์ค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ขำแล้ว ก็ให้มันเป็นคาแรกเตอร์แล้วกัน (ยิ้ม) เพราะเราก็รู้ตัวไงว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอดเวลา โมว่าทุกคนมีหลากอารมณ์ ถ้าเรียกชื่อใครคนนึงแล้วเขาเป็นคนหน้ายิ้มตลอด มันไม่มีใครหน้ายิ้มตลอดหรอก ก็ให้เป็นคาแรกเตอร์ไปเลยแล้วกันที่ให้คนนึกถึงค่ะ”

อัปเดตหัวใจหน่อย เห็นโพสต์คลิปภาพคู่กับหนุ่มที่ไปทริปทะเลด้วยกัน ใช่คนนั้นมั้ย?

“มีคนคุยค่ะ ก็ใช่คนนั้น เรียกว่าเป็นความรักแบบโตแล้วดีกว่า โมเป็นคนไม่ค่อยพูดถึง แต่ไม่ได้ปิดเป็นความลับเลย โมไปไหนมาไหนปกติ แต่แค่โมรู้สึกว่าเวลาที่เราคบคนนอกวงการ โมอยากให้ความเป็นส่วนตัวเขาหน่อย กับเขาและครอบครัว โมเลยไม่ค่อยหวือหวามากค่ะ ก็จะโพสต์บ้างในโอกาสสำคัญ”

จุดเริ่มต้นความรัก ทำไมหนุ่มคนนี้เอาชนะใจ “โม” ได้?

“โมไม่มีกฎเกณฑ์ โมรู้จักกันมานานมากแล้ว เป็นสิบปี รู้จักกันห่าง ๆ เป็นเพื่อนห่าง ๆ มันเป็นจังหวะชีวิตและเวลา ที่วนมาแล้วเจอและได้คุย ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าเขาทำสิ่งนี้ให้เรา และเรารู้สึกชนะใจ โมใช้ความรู้สึกล้วน ๆ อย่างเราทั้งคู่ในเวอร์ชันตอนเด็ก ถ้ามาคบก็น่าจะไม่รอดเหมือนกัน มันเป็นจังหวะชีวิต ด้วยความที่โตขึ้นแล้วทั้งคู่ค่ะ เลยลองคุยดู”

มุมมองความรักของ “โม” ในตอนนี้ ที่บอกว่าเป็นเวอร์ชันที่โตขึ้น เป็นยังไง?

“พอโตแล้ว มันแค่ต้องการคนที่เข้าใจ มันง่ายมากสำหรับความรัก เมื่อก่อนตอนเด็กโมอาจอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องการความรัก ต้องการโน่นนี่ แต่สุดท้ายโมว่าคนที่เข้าใจเรา พร้อมจะที่จะอยู่เคียงข้างเราและยอมรับจุดที่ไม่น่ารักของเราได้ มันคือที่สุดแล้ว เพราะว่ามันไม่มีใครมาเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครได้ โมก็มีจุดที่โมไม่น่ารักและบางอย่างมันเปลี่ยนยาก เราต้องหาคนที่ยอมรับในสิ่งนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าสนับสนุนให้ทำไม่ดีนะ สอนได้ แต่ต้องยอมรับให้ได้ก่อน”

รักครั้งเก่าจบลง แต่ “โม” เปิดโอกาสให้ตัวเองในเรื่องความรักเสมอ อยากรู้มุมมองตรงนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้หลายคนมูฟออน?

“จะถามว่าเปิดโอกาสมั้ยของโมมันเป็นคลิกเดียวจริง ๆ นะ เวลาที่เราผิดหวังมาก ๆ ก็จะเป็นทุกข์มาก ๆ แต่เหมือนวันนึงโมก็คิดได้ขึ้นมา โดยที่ไม่ต้องมีคนสอนด้วยว่าเราต้องรักตัวเองก่อน ต้องเริ่มจากรักตัวเอง ถ้าเราเป็นทุกข์อยู่กับสิ่งนั้นและจมปลักอยู่กับสิ่งไม่ดี เราเป็นทุกข์แปลว่าเราไม่รักตัวเองนะ และพอเรามีความสุข เราก็ค่อยเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามามีความสุขกับเรา ไม่ใช่ว่าเราเอาความสุขของเราไปผูกกับคนอื่น ต่อให้โมไม่มีแฟน โมก็มีความสุข นี่คือจุดเริ่มต้นของโม ถ้าโมมีความสุขด้วยตัวเองได้ โมก็สามารถไปรักคนอื่นได้ ”

คาดหวังในความสัมพันธ์ยังไง?

“ถ้าดีแล้วมันไปถึงจุดนั้น มีความสุขก็ดี แต่ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เราจะฝืนทำไม จะไปฝืนกลัวคนมองว่าเปลี่ยนแฟนอีกแล้ว ไม่สมหวังความรัก แต่คนอื่นก็คือคนอื่น โมรู้สึกว่าเราทำอะไรแล้วมีความสุขก็พอ ใครก็อยากสำเร็จในความรักทั้งนั้น อยากมีชีวิตครอบครัว ถ้าไม่สมหวัง แต่มันจะมีวันนึงที่เป็นของเรา แค่วันนั้นมันยังไม่มาถึง ต่อให้ไม่มีแฟนโมก็อยู่ได้ แต่มีก็ดีค่ะ น่ารักดี”

มุมมองเรื่องแต่งงาน คิดยังไง?

“หลังจากที่เห็นเพื่อนแต่งงาน ก็รู้สึกว่าเหนื่อยจังเลย ขนาดเป็นเพื่อนเจ้าสาวยังเหนื่อยเลย (หัวเราะ) แต่มีก็ดี แต่โมชอบงานเล็ก ๆ ที่มีแต่เพื่อน คนที่เรารู้จักเคารพ เรื่องแต่งงานคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยถาม ท่านจะรู้จักโมดีมาก รู้ว่าโมทำอะไรอยู่ โมตั้งใจ ชีวิตโมเป็นยังไง เขาจะไม่มาจุกจิกเลย อีกอย่างที่โมโชคดีคือน้องชายโมแต่งงานและมีลูกแล้ว เขาก็จะไปยุ่งกับหลานและบ้านนั้น เท่ากับโมรอดตัว ซึ่งคนที่คุยก็เจอที่บ้านแล้ว แต่พ่อแม่โมแบบไม่ค่อยยุ่ง เขาไม่ถาม แค่รู้จัก สวัสดี จบ อย่างคนที่อาจคิดว่าพ่อแม่โมไม่ชอบรึเปล่า คือไม่เลยค่ะ เขาเป็นคนเฉย ๆ ไม่บวกหรือลบกับใครทั้งนั้น”

ท้ายสุดอีกหนึ่งความรักคือแฟนคลับ แฟนละคร สำคัญกับโมยังไง?

“สำคัญมากค่ะ เพราะแฟนคลับคือคนที่สนับสนุนเรามาตั้งแต่แรก ความรักของเขามันบริสุทธิ์ อย่างครอบครัวหรือเพื่อนเรามีความสัมพันธ์กัน แต่แฟนคลับคือคนที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เขาชื่นชอบในตัวเรา อันนี้ต้องขอบคุณมาก ๆ ถ้าไม่มีแรงหรือความรักจากแฟนคลับ ก็ไม่มีทุกวันนี้ของโมค่ะ”

จากทุกประสบการณ์และดราม่า หล่อหลอมให้ “โม” ในวันนี้เป็น “โม” ในเวอร์ชันที่ดีขึ้น ในเรื่องงานและความรัก และเชื่อว่าบทสัมภาษณ์จะทำให้แฟน ๆ ได้รู้จักและเข้าใจตัวตนของนางเอก “โม–มนชนก” มากขึ้นแน่นอน.

วันวิสาข์ ดอกเงิน : เรื่อง