ทุกสายตาพุ่งเป้ามาที่ถนนการเมือง เมื่อ “เนวิน ชิดชอบ” กับ “อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี” กอดคอเข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร” เกิดการวิพากษ์ในหลายแง่มุม งานนี้ “ธนพร ศรียากูล“ ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ให้สัมภาษณ์กับรายการ Dailynews Talk ทางช่องยูทูบ ว่า ผมพูดเสมอเรื่องความสัมพันธ์ของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อยากให้องค์กรอิสระเป็นสีอะไร สว.ก็ต้องเป็นสีนั้น และสว.ชุดใหม่ก็ล้วนเป็นคนของฝั่งสีน้ำเงิน เพราะตัวเต็งอย่าง“นายสมชาย วงสวัสดิ์” ซึ่งอยู่ฟากสีแดงของนายใหญ่ ยังมือไม่ถึง ทำให้สภาสูงกลายเป็นสายสีน้ำเงิน ที่มีอำนาจตั้งองค์กรอิสระ ดังนั้นใครได้ครอบครองสว.คนนั้นก็มีอำนาจจะสอยสส.-รัฐมนตรี-นายกฯได้ เหมือนที่นายเศรษฐา ทวีสิน โดนมาแล้ว
ดังนั้นงานนี้ “เนขี่นาย“ และตอนนี้ “เนขี่ไปบนคอนาย” ล่าสุดเห็นฤทธิ์ สว.เท พ.ร.บ.ประชามติ และเลิกพูดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยก็ออกฤทธิ์ แก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่แก้เรื่องจริยธรรม แถมนายอนุทินยังโชว์หล่อทุกเรื่อง ทั้งสอบผู้ว่าเชียงรายไม่อยู่แก้ปัญหาน้ำท่วม และโชว์เพิ่มเงินเยียวยาให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมจาก 5 พันบาท เป็น 9 พันบาท ค่าล้างโคลน 10,000 บาท
“พูดง่ายๆ ตอนนี้นายอนุทินแสดงตัวเป็นโคลนนิ่งพล.เอก.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปแล้ว เพราะการสำรวจของนิด้าโพล์พบว่า จำนวนคนที่ยังไม่เลือกใครไตรมาส 2 มี 20% แต่ล่าสุดมี 23.55% คิดเป็นคะแนนดิบประมาณ 3.75 ล้านเสียง จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เทียบกับจำนวนคนมาเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 3.9 ล้านคน แปลเป็นคะแนนบัญชีรายชื่อได้ถึง 12 ที่”
นี่เป็นโอกาสของพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งอ่านเกมว่าพื้นที่นี้ไม่ใช่ของ “สีแดง”หรือ “สีส้ม” แต่เป็นพื้นที่สำหรับคนที่รักลุงตู่ แต่ผิดหวังกับพรรคร่วมไทยสร้างชาติที่ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย สีน้ำเงินก็ต้องยึดก้อนนี้ให้ได้เพื่อขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ 1 ในปีกอนุรักษ์นิยม แน่นอนวันนี้ว่ายังกอดกันเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่จะดีกว่านั้นถ้าหากตัวเองเป็นหัวหน้า ดังนั้น “เนวิน” จึงยกระดับทีหลังมาขี่คอนาย”
ดังนั้นการที่ “นายใหญ่” เอาลิ่วล้อไปไล่ฟาดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีประโยชน์ เพราะพรรคนี้ละเอียดไม่มีชิ้นดีแล้ว ครึ่งหนึ่งมาอยู่กับนายใหญ่ ที่เหลือ 20 เสียงก็ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน ทำงานไม่เป็น หัวหน้าพรรคก็ไม่เคยไปประชุมสภา พรรคการเมืองนี้ไม่เหลือราคาทางการเมืองแล้ว การไปบดขยี้ “ลุงป้อม” จึงเสียเวลา ที่ต้องทำ คือ เปิดเกมไล่บี้ “อนุทิน” กล่องดวงใจของ “เนวิน” เพื่อดึง “เนวิน”ลงมาจากคอ ยิ่งทีเด็ดตอนถ่ายทอดสดวันเกิด “เนวิน” จะเห็นว่า แถวหลังมีหน้าตาคนที่อยากเป็นองค์กรอิสระเกิน 20 คนนี่แสดงถึงพลังอำนาจ
ฉะนั้นการที่นายเนวินไปบ้านนายใหญ่ ไม่ใช่ไปคารวะ แต่เพราะนายใหญ่เชิญไป ผ่านทางนายอนุทิน เพื่อคุยถึงความร่วมมือกันของพรรครัฐบาลเรื่องต่างๆ
สิ่งที่นายใหญ่พยายามเสนอ แต่นายเนวินไม่ตอบรับแม้แต่เรื่องเดียว ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ, พ.ร.บ.ประชามติ ,องค์กรอิสระ เพราะถ้าตอบรับก็จะเข้ากับเพลง “สุกรนั้นไซร้คือหมาน้อยธรรมดา” แต่เนวินไม่ใช่หมาน้อยธรรมดา
“วันนี้ รูปเกมทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลคือการกระซวกแทงกันภายใต้มือที่จับกันอยู่ แล้วเนวินเป็นต่อ เพราะตอนนี้ขี่คอนายใหญ่อยู่ อีกทั้งขี่คอแล้วยังบอกให้นายใหญ่พาเดินไปในที่ที่นายเนวินอยากไป 100% นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้นายใหญ่จะต้องขอพบนายเนวิน”
@ วงดินเนอร์วันนั้นมีคนอื่นอีกหรือไม่
ตัวละครที่นั่งตรงนั้นมีมากกว่า 3 คน ส่วนคนอื่นก็ต้องเป็นคน ที่ไปนั่งอยู่ในนั้นได้ โดยไม่ต้องมีคนพาเข้า ไม่ต้องบอกว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าไม่ใช่สายโลหิตก็เข้าไปนั่งไม่ได้ แต่ไม่ใช่นายน้อย เพราะสายโลหิตของนายใหญ่ไม่ได้มีคนเดียว และนายน้อยไม่ใช่ สายโลหิตคนสุดท้าย ยังมีอีก 2 คนที่เก่งพอกัน สุดท้ายแคนดิเดตของเพื่อไทยต่อไปอาจจะชื่อพานทองแท้ก็ได้
ส่วนการตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นที่ปรึกษานายกฯ มีคนบอกจะเอามาต้านม็อบนายจตุพร พรหมพันธุ์ กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งไม่ใช่ และการนำม็อบลงถนนวันนี้ยาก ต้องใช้เงินมาก แต่ไม่มีท่อน้ำเลี้ยงแล้ว ส่วนกรณีนายสนธิ ที่ออกมาสร้างความฮือฮา แต่ก็วางบิลไว้ว่าถ้าดูแลดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เต็มที่เท่ากับว่าไม่ต้องมีเรื่องกับสนธิ นายกฯ ก็ต้องรีบไปดูแล อยากได้งบกลางสัปดาห์ละ 2 พันล้านก็จัดให้
@ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพปชร.บอกจะเกิดเหตุทำให้พรรคแกนนำมีอันเป็นไป
การจะเสียตำแหนง หรือพรรคถูกยุบ คนตัดสินคือองค์กรอิสระ ซึ่งวันนี้องค์กรอิสระของพล.อ.ประวิตรเหลือไม่กี่คน อีกทั้งการทำงานขององค์กรอิสระมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา อย่างกกต.กว่าตั้งอนุกรรมการ ตรวจสอบต่างๆ ซึ่งทราบว่า ตอนนี้เรื่องที่ร้องเรียนไปยังอยู่ในชั้นสำนักงานอยู่เลย ส่วนทางป.ป.ช.ก็เช่นกัน กว่าจะตรวจสอบ กว่าจะชี้มูล ส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง ต้องใช้เวลานาน ทั้งยังมีลำดับเรื่องที่ต้องพิจารณา ซึ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือ 44 สส. ของพรรคก้าวไกล ในอดีต ตั้งแต่ถูกยุบพรรคจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ
แล้วถ้าจะใช้สว.ไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนกรณีนายเศรฐา ตอนนี้พล.อ.ประวิตร ก็ไม่มีสว.แล้ว หรือถ้าจะใช้สส. ก็เหลือแค่ 20 คนซึ่งทำไม่ได้ แน่นอนว่าถึงพล.อ.ประวิตรจะรู้ว่า สู้ไม่ได้ แต่ก็ยังสู้ แต่สิ่งมาปลุกเร้าให้เกิดความฮึกเหิมนั้นห่างไกลจากความเป็นจริงห่างจากเป้าหมายจนมองไม่เห็น
@ ถือว่าปิดฉาก3 ป. จริงๆ แล้วหรือไม่
ยังไม่ถือว่าปิดฉาก 3 ป.อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 คือ 3 ป.ของแท้ 3 ป. never die จะปิดฉากก็ต่อเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งก็แค่ฝัน เพราะวันนี้ “อนุทิน” อยากเป็นโคลนนิ่งของ “ลุงตู่” ดังนั้นบทอะไรที่จะพิทักษ์รัฐธรรมนูญ “เนวิน”และ “อนุทิน” ต้องรักษาไว้ ยิ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่สุดยอดแห่งเล่ห์กลแล้วยังถูกออกแบบมาให้ป้องกันตัวเองด้วย แก้ไขไม่ได้