เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจสภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายที่ไปลงทุนทำธุรกิจกับ “ดิไอคอน กรุ๊ป” จำนวนมากกว่า 20 รายแล้ว โดยรายล่าสุดเป็นเคสของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อาชีพแม่บ้านอายุ 61 ปี จูงมือลูกสาวที่ป่วยออทิสติกเข้าแจ้งความสรุปว่า เมื่อปี 2564 เกิดโควิด -19ระบาดหนัก ทำให้ตนค้าขาย ลำบากอีกทั้งมีลูกป่วยจึงอยากขายของออนไลน์ ระหว่างนั้นพบว่ามีรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แนะนำเรื่องการขายของออนไลน์ โดยเปิดสมัครเรียนคอร์สละ 97 บาท จึงโทรศัพท์ไปคุยรายละเอียดก่อนจะได้เรียนผ่านระบบซูม ซึ่งการเรียนการสอนจะเล่าถึงประวัติ บอสผู้บริหารแต่ละคน ที่เริ่มต้นจากศูนย์จนประสบความสำเร็จ ทางแม่ทีมเห็นว่าตนมีลูกป่วย จึงหว่านล้อมว่าให้ลงทุน 2 แสนบาทเอาเงินปันผลค่าตอบแทนมาเลี้ยงดูลูกได้สบาย มีรายได้ตั้งแต่หลักหมื่น-แสน
ภายหลังนำเงินไปลงทุนแล้วได้สินค้ามาจำหน่าย ซึ่งทางแม่ทีมบอกให้เบิกมาลองใช้ก่อนจะได้อธิบายกับคนที่ซื้อเราได้ เมื่อทดลองใช้ปรากฏว่าสินค้าไม่ได้ดีอย่างที๋โฆษณา จึงไม่กล้าเอาไปใช้หรือจำหน่าย และมองเป็นเรื่องหลอกลวงจึงพยายามขอเงินคืน แต่ทางแม่ทีมบอกไม่สามารถคืนของได้ มีทางเดียวคือไปหาลูกทีมมาสมัครหัวละ 2,500 บาท เพื่อกินเปอร์เซ็นต์ จากการขายของลูกทีมแทน ตอนนั้นคิดว่าจะไปร้องเรียนแต่เนื่องจากด้วยอายุที่มากแล้ว อีกทั้งมีลูกป่วยคงไม่สามารถสู้กับกลุ่มนายทุนใหญ่ได้ จนมาทราบข่าวจากสื่อมวลชนต่าง ๆ ว่า “บอสพอล กับ บอสคนอื่น ๆ ในดิไอคอน กรุ๊ป ที่เคยไปลงทุนด้วยโดยจับกุม อีกทั้งตำรวจรับแจ้งความหากเป็นผู้เสียหายคดีนี้ ทำให้รู้สึกได้ว่าเวรกรรมติดจรวดแล้วจริงๆ