“หากยกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้า รัฐบาลจะเก็บภาษีได้มากขึ้น” เป็นคำอ้างของฝ่ายที่สนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย
ประเทศฟิลิปปินส์ บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ห้ามขายแก่คนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งประเทศมีประชากร 115 ล้านคน
มีคนอายุ 15 ปีขึ้นไปที่สูบบุหรี่มวน 17 ล้านคน เก็บภาษีได้ 174 พันล้านเปโซ( 108,750 ล้านบาท ) ในปี พ.ศ. 2564
และมีประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 1,457,344 คน
ปี 2564 เขาเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าได้เพียง 379 ล้านเปโซ ( 236.8 ล้านบาท)
ขณะที่มีเด็กอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้า 1,593,445 คน (พ.ศ.2562)
ผมถามว่า ทำไมเก็บภาษีได้น้อย ได้รับคำตอบว่า อัตราภาษีบุหรี่ไฟฟ้าเก็บค่อนข้างต่ำ จากการที่บริษัทบุหรี่อ้างว่า ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน และมีบุหรี่ไฟฟ้าหนีภาษีที่ลักลอบขาย
ล็อบบี้ยิสต์ที่ขอให้ยกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ก็ขอให้เก็บภาษีในระดับต่ำเมื่อเลิกการแบน อ้างเหตุผลเดียวกัน
แพทย์หญิง เอเดรียน่า บลังโก มาคิสโซ่ เลขาธิการสำนักงานอนุสัญญาควบคุมยาสูบองค์การอนามัยโลก และทีมที่มาประเมินสมรรถนะการควบคุมยาสูบของประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว มีความเห็นต่อเรื่องภาษีบุหรี่ไฟฟ้าที่ประเทศไทยจะได้รับ หากยกเลิกการแบนว่า “หากจะมีการเก็บภาษีได้มากขึ้น ก็หมายความว่า ผู้บริโภคจะมากขึ้นเช่นกัน ตรงนี้เป็นกำไรของบริษัทที่จำหน่าย แต่ไม่ใช่กำไรของภาครัฐ ที่ได้ภาษีมาเล็กน้อย เมื่อเทียบกับรายจ่ายที่ต้องเสียไปกับการดูแลสุขภาพ”
กรมสรรพสามิตก็มองว่า ถ้ายกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้า กรมจะมีรายได้จากภาษีมากขึ้น
สิ่งที่กรมสรรพสามิตจะต้องคิดให้หนักคือ ทุกวันนี้ 25% ของบุหรี่ธรรมดา เป็นบุหรี่หนีภาษี ที่ทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากภาษีปีละ 25,000 ล้านบาท และยอดขายบุหรี่ของการยาสูบไทยที่ลดลง ส่งผลให้ชาวไร่ยาสูบเดือดร้อน จากที่ได้รับโควต้าปลูกพืชยาสูบลดลง
และหากให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย สัดส่วนบุหรี่ไฟฟ้าหนีภาษีจะยิ่งสูงกว่าบุหรี่ธรรมดาที่หนีภาษีค่อนข้างแน่นอน เพราะเด็กและวัยรุ่นนิยมบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าบุหรี่ธรรมดา และไม่มีกำลังซื้อบุหรี่ไฟฟ้าที่เสียภาษีถูกกฎหมาย
กระทรวงการคลัง จึงมีช่องทางที่จะเพิ่มรายได้จากภาษียาสูบที่ดีกว่า การหวังที่จะได้จากภาษีบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยการปราบปรามบุหรี่ธรรมดาที่หนีภาษีอย่างจริงจัง ซึ่งจะทำให้มีรายได้ภาษีจากบุหรี่ธรรมดาที่ขายถูกกฎหมายเพิ่มขึ้น ในจำนวนที่มากกว่าที่จะได้รับจากภาษีบุหรี่ไฟฟ้าเป็นไหนๆ
ที่สำคัญคือ ถ้าจำนวนบุหรี่ธรรมดาหนีภาษีลดลง บุหรี่ของการยาสูบไทยก็จะขายได้มากขึ้น ชาวไร่ยาสูบก็จะได้รับโควต้าปลูกใบยาเพิ่มขึ้น ซึ่งชาวไร่ยาสูบก็ได้เรียกร้องมาตลอดให้รัฐบาลเร่งรัดการปราบปราม ทั้งบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้า
การที่ปล่อยให้มีบุหรี่หนีภาษีมากอย่างที่เป็นอยู่ สร้างความสูญเสียแก่ทุกฝ่าย ทั้งรายได้รัฐบาล การยาสูบและชาวไร่ยาสูบไทย
ด้านสุขภาพก็สูญเสีย ที่บุหรี่หนีภาษีราคาถูก ทำให้คนสูบสูบมากขึ้น และเลิกสูบยากขึ้น เด็กและเยาวชนเข้ามาเสพติดบุหรี่มากขึ้น สุดท้ายค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคก็จะเพิ่มขึ้น เพิ่มภาระย้อนกลับมาที่กระทรวงการคลังอีกทอดหนึ่ง
จึงขอให้ท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้กำชับให้มีการปราบปรามบุหรี่หนีภาษีและบุหรี่ไฟฟ้าจริงจังต่อเนื่อง ที่จะส่งผลดีต่อทุกฝ่าย และรัฐบาลไทยควรจะลงสัตยาบันใน “พิธีสารการขจัดการค้ายาสูบผิดกฎหมาย” ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบฯ เพื่อยกเครื่องการปราบปรามบุหรี่หนีภาษีทั้งระบบ อย่างที่มีเกือบ 70 ประเทศที่ได้ลงสัตยาบันแล้ว
ศ.นพ ประกิต วาทีสาธกกิจ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข