ทั้งนี้ “ยาเสียสาว” ที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ขอใช้คำว่า “ยาเสียตัว” ด้วยนี่…กรณีที่มีการเผยว่ามีการตรวจพบ “ชนิดใหม่” แพร่ระบาดในพื้นที่ภาคใต้นั้น เห็นว่าเป็น “วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท” ที่มีชื่อว่า “ฟลูอัลปราโซแลม (Flualprazolam)” ซึ่งไม่มีขายในไทย แต่มีประวัติแพร่ระบาดในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2564 คือที่สิงคโปร์ มาเลเซีย จึงมีการ “เตือน” ให้คนไทย “ระวัง!!”…

ระวังทั้งยาที่ไม่ผ่านมาตรฐานรับรอง

และ “ระวังภัยยาเสียตัว ทั้งเก่า-ใหม่”

ที่ “น่ากลัว” ทั้ง “เสียตัว” และ “ถึงตาย”

เกี่ยวกับ “ยาเสียสาว-ยาเสียตัว”  หรือเจ้า “ฟลูอัลปราโซแลม” ที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท “ชนิดใหม่ที่เข้ามาแพร่ระบาดในไทย” นี้ ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้มีการให้ข้อมูลเบื้องต้นเอาไว้ว่า… เจ้าวัตถุออกฤทธิ์หรือเจ้ายาชนิดนี้มันจะมีลักษณะเป็น ยาเม็ดกลมแบนสีส้ม โดยที่ด้านหนึ่งจะพิมพ์เลข“5” ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นจะพิมพ์สัญลักษณ์บนแผง คำว่า “Erimin 5” ซึ่งฟลูอัลปราโซแลมนี้ จัดเป็นยานอนหลับกลุ่มเบนโซไดอะเซปีนส์ (benzodiazepines) ชนิดใหม่ ที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยตรวจพบมาก่อนในประเทศไทย และ จัดเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 1

สำหรับ “ส่วนประกอบ” ของฟลูอัลปราโซแลม หรือ “ยาเม็ดอีริมิน 5” ตัวนี้ มันจะมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่สำคัญซึ่งชื่อว่า… ไนเมตาซีแพม (Nimetazepam) ขนาดยา 5 มิลลิกรัม เป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยในไทยระยะหลังมานี้ เริ่มมีการตรวจพบการนำยาชนิดนี้มาใช้ในทางที่ผิดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และก็ยังพบยาที่ถูกทำปลอมในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง มีการ “ผสมตัวยาอื่นเพิ่มเข้าไป” เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย และหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้…

ก็ยิ่งทำให้อันตรายทวีคูณมากยิ่งขึ้น!!

ส่วน “กลไกออกฤทธิ์” ของ“ยาเสียตัวชนิดใหม่” นี้ ก็มีการให้ข้อมูลไว้ว่า… จริง ๆ ยาชนิดนี้ไม่เคยมีการนำมาใช้ในมนุษย์ แต่จากโครงสร้างทางเคมีนั้นคาดว่า… หลังรับประทานเข้าไป จะออกฤทธิ์ภายใน 10-30 นาที ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความวิตกกังวลเกิดอาการง่วงนอน ที่สำคัญหลังรับประทานเข้าไปจะ ออกฤทธิ์ได้นานมากถึง 6-11 ชั่วโมง!! อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่ชัดเจน ดังนั้น การใช้หรือเสพฟลูอัลปราโซแลมเข้าไปจึงเป็นความ “เสี่ยง!!” และกับกรณีที่มีการนำมาใช้ในทางที่ไม่ดี ในทางที่ผิด โดยเฉพาะนำมา “ใช้เพื่อก่อเหตุอาชญากรรมทางเพศ” ก็จะยิ่ง “อันตราย!!”

สังคม “จำเป็นต้องช่วยกันเฝ้าระวัง!!”

โดยเฉพาะ “การถูกใช้เป็นยาเสียตัว!!”

ทั้งนี้ นอกจากเจ้า“ฟลูอัลปราโซแลม” ที่ถูกเรียกว่าเป็น “ยาเสียสาวชนิดใหม่” หรือ “ยาเสียตัวชนิดใหม่” แล้ว กับภัยในรูปแบบนี้ ที่เป็นชนิดเดิม ๆ สังคมไทยก็ยังคงต้องระวังกันอยู่ โดยสำหรับ “ชนิดเก่า” นั้น…ก็มีข้อมูลของทาง หน่วยเภสัชสนเทศและบริการสังคม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ได้มีการให้ข้อมูลแจกแจงเอาไว้ว่า…

กลุ่มยาที่ถูกเรียกว่า “ยาเสียสาว” คือ สารเคมีที่ถูกนำมาใช้ในทางที่ผิดเพื่อประสงค์ร้ายกับเหยื่อหรือใช้เพื่อก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำมา ใช้เพื่อล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อ เพื่อรูดทรัพย์เหยื่อ โดยยากลุ่มนี้ที่ตรวจพบเจอบ่อย ๆ นั้นมักจะเป็นชนิดต่าง ๆ ดังนี้คือ… ยามิดาโซแลม (Midazolam), ยาอัลปราโซแลม (Alprazolam), ยาฟลูไนตราซีแปม (Flunitrazepam), สารจีเอชบี (GHB) และยาเคหรือเคตามีน (ketamine) โดยที่ยาเหล่านี้ คุณสมบัติสำคัญคือ “ละลายในน้ำได้” จึงถูกนำมา ละลายใส่ในเครื่องดื่ม…ก่อนนำไปให้เหยื่อดื่มโดยที่เหยื่อแทบไม่รู้ตัว…นี่เป็นอีก “ภัย”

ภัยรูปแบบนี้เกิดในไทยแล้วมากมาย!!

ข้อมูลถัดมาที่ก็น่าตระหนักคือ…ถ้าได้รับยากลุ่มนี้เข้าร่างกายไปแล้วมันจะมีฤทธิ์ในร่างกายนานเท่าไหร่??ซึ่งทาง แหล่งข้อมูลเดิมก็ได้ให้คำอธิบายไว้ว่า… ยากลุ่มนี้แต่ละชนิดจะมีกลไกการออกฤทธิ์หรือมีเวลาที่อยู่ในร่างกายนานแตกต่างกันออกไป ซึ่งก็ มีที่อยู่นานถึง 33 ชั่วโมง…กว่าร่างกายจะขับตัวยาออกมาได้หมดสิ้น ผ่านทางปัสสาวะหรือทางอุจจาระ… 

ขณะที่… “สิ่งที่น่ากลัว” ก็คือ “ผลข้างเคียง-อาการร้าย ๆ” จากการ “ได้รับยากลุ่มนี้เข้าร่างกายโดยผู้ประสงค์ร้าย” โดยมันจะทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ หรือเกิดผลข้างเคียงในผู้ที่แพ้ยา ด้วยลักษณะอาการร้าย ๆ ที่สามารถจะเป็นได้หลากหลาย คือ… คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม สับสน ประสาทหลอน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เดินเซ เกิดผื่นผิวหนัง เกิดภาวะกระสับกระส่าย มีพฤติกรรมผิดปกติ สูญเสียความทรงจำชั่วขณะ ความดันโลหิตต่ำ รูม่านตาขยาย น้ำตาไหล น้ำลายไหล กระวนกระวาย ก้าวร้าว ควบคุมตัวเองไม่ได้ และถ้าถึง “ขั้นร้ายแรง” ก็อาจทำให้ผู้ได้รับยาเข้าไป มีความคิดอยาก “ฆ่าตัวตาย” ได้!! รวมถึงทำให้ หายใจช้าผิดปกติ หายใจลำบาก และ หยุดหายใจ…ทำให้ “เสียชีวิต” ได้!!!…

นี่คือ “ภัย”…จาก “ยาเสียสาว-ยาเสียตัว”

“ชนิดเก่าก็ร้าย” และ “ชนิดใหม่ยิ่งร้าย”

“ไม่แค่เสียทรัพย์-เสียตัว…ถึงตายได้!!”.