หลักเกณฑ์-เงื่อนไขใหม่กรณีนี้…จะอย่างไรก็ถือเป็นการ “จัดระเบียบหาบเร่แผงลอย”ที่ในไทย ในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ได้ยินได้ฟังกันมาเนิ่นนานหลายยุคหลายสมัยแล้ว…
ส่วนล่าสุด “จะได้เห็นผลลัพธ์เช่นไร?”
กับคนทำอาชีพนี้ “จะดี–ไม่ดีอย่างไร?”
เรา ๆ ท่าน ๆ “ก็ต้องรอดูกันต่อไป”…
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะดูกันเลยใน “มิติทางวิชาการ” กับคนทำ “อาชีพหาบเร่แผงลอย” ก็มีผลศึกษาวิจัยที่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูล เป็นข้อมูลจากการวิเคราะห์ สถานการณ์ ความเสี่ยง ความเปราะบาง ของผู้ที่ทำอาชีพนี้ ในฐานะส่วนหนึ่งของ “แรงงานนอกระบบ” ที่ “ทำงานอิสระบนพื้นที่สาธารณะ” จากรายงาน “สถานการณ์แรงงานนอกระบบ : สถานะ องค์ความรู้ ความเสี่ยง และแนวปฏิบัติ” ของ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ผู้วิจัยเรื่องนี้คือ รศ.ดร.นฤมล อรุโณทัย ดร.บวร ทรัพย์สิงห์ และคณะ ซึ่งได้สำรวจสถานการณ์แรงงานนอกระบบและคนทำอาชีพอิสระกลุ่มนี้…
เพื่อใช้เป็นข้อมูลจัดทำ “ข้อเสนอแนะ”
ใช้ในการ “พัฒนาคุณภาพชีวิต–อาชีพ”
จากข้อมูลในรายงานฉบับดังกล่าว ทางผู้วิจัยได้สะท้อนไว้ โดยสังเขปมีดังนี้คือ… “กลุ่มคนทำงานอิสระในเมือง” ที่นอกเหนือจากภาคขนส่งแล้ว มี 2 อาชีพที่น่าสนใจ คือ อาชีพเก็บและคัดแยกขยะ กับ “อาชีพหาบเร่แผงลอย”โดยสำหรับหาบเร่แผงลอยนั้น ปัจจุบันยิ่ง “มีข้อพิพาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ” อันเป็นผลจาก “พื้นที่สาธารณะสำหรับค้าขายนั้นลดลง–มีจำกัด” กว่าในอดีต โดยเฉพาะทางสาธารณะที่เป็นจุดผ่อนผัน ให้จำหน่ายสินค้าได้ ซึ่งตัวเลขของปี 2564 จากข้อมูลของกรุงเทพมหานคร มีผู้ค้าอยู่ที่ 7,947 ราย แต่มีจุดผ่อนผันให้เพียง 171 จุดเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ก็จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้…
มี “ข้อพิพาทเรื่องพื้นที่” อยู่เรื่อย ๆ…
ทั้ง “ผู้ค้ากับผู้ค้า” “ผู้ค้ากับเจ้าหน้าที่”
ในรายงานฉบับเดิมยังได้ฉายภาพเกี่ยวกับมิติด้านต่าง ๆ ของ“ผู้ที่ประกอบอาชีพหาบเร่แผงลอย”เอาไว้ว่า… โดยด้าน “คุณลักษณะพื้นฐานทางประชากร” พบว่า… การที่มีคนเลือกทำอาชีพนี้ อาชีพหาบเร่แผงลอยนี้ ช่วยลดค่าครองชีพให้กับกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งหาบเร่แผงลอยเป็นอาชีพที่ เชื่อมโยงประชากรกลุ่มอื่น ๆ ด้วย เช่น กลุ่มแรงงาน และชนชั้นกลางในเมือง รวมถึงยังเป็นอาชีพที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจรากหญ้ากับเศรษฐกิจกระแสหลัก อีกด้วย ที่ ช่วยสร้างการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ช่วยลดปัญหาการว่างงาน ปัญหาความยากจน และนอกจากนี้ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า…
“หาบเร่แผงลอย” ที่เป็น“สตรีทฟู้ด”…
ช่วย “เพิ่มเสน่ห์ให้การท่องเที่ยวไทย”
อย่างไรตาม แม้จะมีส่วนช่วยให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ และช่วยลดปัญหาการว่างงานกับความยากจน แต่…ผู้ที่ทำ “อาชีพหาบเร่แผงลอย” นั้น กลับต้อง “เผชิญความเสี่ยงมากมาย” หลายอย่าง ทั้งสุขภาพ ทั้งปัญหาความไม่แน่นอนต่าง ๆ ในอาชีพที่ทำ โดยพบว่า… ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยส่วนใหญ่จะต้องทำงานทุกวัน และแต่ละวันจะต้องทำงานเฉลี่ยตั้งแต่ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งนับเป็นระยะเวลาการทำงานที่ยาวนาน นอกจากนั้น พื้นที่ค้าขายที่มีจำกัด ทำให้มีการแข่งขันกันสูง จนต้องยอมจ่ายค่าเช่าในราคาสูง อีกทั้งการที่ เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน นั้น…
ก็กระตุ้นทำให้หาบเร่แผงลอย “เป็นหนี้”
จากการต้องกู้ยืม “แหล่งทุนนอกระบบ”
ทั้งนี้ “อาชีพหาบเร่แผงลอย” ที่ผ่านมาต้อง “เผชิญความเสี่ยงจากนโยบายที่ไม่ชัดเจน” ส่งผลให้ “ไม่มีความมั่นคงทางอาชีพ” ผู้วิจัยจึงมี “ข้อเสนอแนะ” ไว้ว่า… “จัดระเบียบหาบเร่แผงลอยเชิงบวก” จะช่วยให้ “เกิดประโยชน์มากกว่าจัดระเบียบเชิงลบอย่างการสั่งห้ามไม่ให้มีหาบเร่แผงลอยเลย” โดยจัดระเบียบเชิงบวกจะ ช่วยทำให้เพิ่มความปลอดภัยแก่ประชาชนมากขึ้น ในการสัญจรทางเท้าและการใช้พื้นที่สาธารณะ พร้อมกับ ช่วยลดปัญหาความไม่มั่นคงในอาชีพให้กับหาบเร่แผงลอย ให้ไม่ต้องเสี่ยงผลกระทบทางรายได้ เช่น ต้องเปลี่ยนที่ขายหรือสินค้าบ่อย ซึ่งกระทบต่อรายได้
ที่สำคัญ… จัดระเบียบหาบเร่แผงลอยเชิงบวกจะเป็นอีกกลไกสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาการหาผลประโยชน์นอกระบบที่ผิดกฎหมาย หรือลดระบบส่วย ได้ด้วย แต่การออกนโยบายจำเป็นต้องก้าวข้าม “วาทกรรมเชิงลบ” ที่มีต่ออาชีพนี้ อาทิ “ไม่สะอาด” “ไม่เรียบร้อย” เพื่อไม่ทำให้เกิดมุมมองเชิงลบ การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยนั้นจึงจะสัมฤทธิ์ผลโดยเกิดความเป็นธรรม และโปร่งใส ซึ่งย่อมจะส่งผลดีทั้งต่อผู้ที่ทำอาชีพหาบเร่แผงลอย ประชาชน และสังคม
ก็รอดูกัน “จัดระเบียบหาบเร่แผงลอย”
ในเมืองกรุง “รอบล่าสุดจะอย่างไร??”
จะ “อัปมุมดีต่าง ๆ ขึ้นได้แค่ไหน??”.
ทีมสกู๊ปเดลินิวส์