อย่างไรก็ตาม หากจะถามว่า…การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยนั้นปัจจุบันทำไปได้มาก? หรือน้อย? ก็จะมีทั้งฝ่ายที่บอกว่า…มาก และฝ่ายที่บอกว่า…น้อย ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วอย่างไรแน่??…ก็อาจสุดแท้แต่มุมมอง แต่ประเด็นสำคัญก็คือ… “ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยเป็นปัญหาที่ยังต้องเร่งแก้ต่อไป”…
“รัฐบาล” ก็ยัง “ถือว่าเป็นแกนสำคัญ”
เป็นแกนหลักในการ“แก้ไขเหลื่อมล้ำ”
และก็แน่นอน…“รวมถึงรัฐบาลชุดใหม่”
ทั้งนี้ “ปัญหาความเหลื่อมล้ำ” ซึ่งมีการพูดถึงกันมากมานานเป็นสิบ ๆ ปีแล้วนั้น…นี่ก็เป็นอีกปัญหาในสังคมไทยที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ให้ความสำคัญในการสะท้อนข้อมูลแง่มุมต่าง ๆ สู่ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไป มาอย่างต่อเนื่อง… และในโอกาสที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งก็ตามมาด้วยการมีคณะรัฐบาลชุดใหม่ วันนี้ ณ ที่นี้ก็จะพลิกแฟ้มนำเสนอย้ำไว้อีกในบางแง่มุม จากที่ได้เคยนำเสนอไว้เมื่อกว่า 9 ปีมาแล้ว เพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในยุคนี้ได้พินิจ…
“ต้องยอมรับว่า ความเหลื่อมล้ำนั้นมีจริงในสังคมไทย และมีมานานแล้ว ช่องว่างระหว่างรายได้ของคนรวยกับคนจน เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย” …นี่เป็นส่วนหนึ่งของหลักใหญ่ใจความที่มีการระบุไว้ในชุดข้อมูลบทความชื่อ “ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้” ที่มีการจัดทำเผยแพร่ไว้โดยฝ่ายงานสื่อสารสาธารณะ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ซึ่งทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ได้เคยสะท้อนต่อไว้เมื่อกว่า 9 ปีมาแล้ว โดยมาถึงตอนนี้ก็ยังมีคำถามสำคัญคือ… “ช่องว่างระหว่างรายได้ของคนรวยกับคนจนนั้นลดแคบลง? หรือขยายกว้างขึ้น?”
พลิกแฟ้มดูกันต่อในประเด็น “มุมมองคนไทยเกี่ยวกับสาเหตุความเหลื่อมล้ำ” ซึ่งในชุดข้อมูลดังกล่าวข้างต้นระบุไว้ว่าได้มีการสำรวจประเด็นนี้เอาไว้ โดยมีการมองถึงสาเหตุว่า… เกิดจากการ ขาดโอกาส ขาดสิทธิ ขาดทรัพยากร รวมถึง ธรรมชาติไม่เข้าข้าง และนอกจากนี้ ก็มีคนไทยส่วนหนึ่งที่มีมุมมองเกี่ยวกับสาเหตุความเหลื่อมล้ำ โดยเห็นว่า เป็นเรื่องบุญกรรมแต่ชาติปางก่อน ขณะที่ก็มีคนไทยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายการสำรวจ ร้อยละ 42 และร้อยละ 57 ที่ได้บอกไว้ 2 ด้าน ว่า…
“คนจนนั้น…จนเพราะเกิดมาจน”
“คนรวยนั้น…รวยเพราะเกิดมารวย”
อย่างไรก็ตาม ก็มิใช่ว่าประชาชนคนไทยโดยรวมจะมองว่าการมีปัญหาความเหลื่อมล้ำนั้นเกิดขึ้นเพราะกรรมเก่า หรือแม้แต่เพราะธรรมชาติไม่เข้าข้าง ไม่เช่นนั้นที่ผ่าน ๆ มาก็คงจะไม่มีการ “เรียกร้องให้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ-เรียกร้องความเป็นธรรม” เกิดขึ้น…ซึ่งก็เกิดมาตลอดจวบจนถึงปัจจุบันนี้ และมาถึงตอนนี้ก็มีอีกคำถามสำคัญที่ตามมา นั่นก็คือ… นอกจากที่มีการ “แจก” อะไร ๆ แบบ “เป็นครั้งเป็นคราว” แล้ว… “คนไทยที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำเพราะเกิดมาจน…ได้รับการดูแลช่วยแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังจริง ๆ โดยรัฐแล้วหรือยัง??” ซึ่งคำถามนี้ที่มีคำว่า“โดยรัฐ” ก็ด้วยเหตุผลกลไกดังที่ระบุไว้ในชุดข้อมูลบทความ“ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้” ของทางสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย คือ…
“เป็นหน้าที่ของรัฐ ที่จะต้องลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม” …ซึ่งรัฐเปรียบเหมือนผู้มีหน้าที่ต้องดูแลครอบครัวขนาดใหญ่ยักษ์ ต้องสร้างความเป็นธรรม ต้องลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อแก้ไข-ป้องกันปัญหาต่าง ๆ โดยที่…
“การสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ รัฐควรจัดสวัสดิการสังคม ควรจะทำให้คนทุกคน ไม่ว่าจะมี หรือไม่มี ได้รับความมั่นใจในการอยู่ในสังคมโดยปราศจากความกลัว” ซึ่งความ “กลัว” ที่ว่า ก็เช่น… กลัวไม่ได้เรียนหนังสือ, กลัวเจ็บตายโดยไม่มีโอกาสรับการรักษาพยาบาล, กลัวตกงาน, กลัวแก่อย่างอด ๆ อยาก ๆ, กลัวอดตาย, กลัวจะตายอย่างโดดเดี่ยว ฯลฯ รวมถึง กลัวจะถูกดูถูกรังเกียจเหยียดหยาม …ซึ่งจะเห็นได้ว่า…การที่ประชาชนจะไม่ต้องกลัวเรื่องต่าง ๆ ดังที่ว่ามานั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับ “รัฐ” ภายใต้นโยบายและประสิทธิภาพการบริหารประเทศของ “รัฐบาล”
ทั้งนี้ กับการนำเสนอเรื่อง “ปัญหาความเหลื่อมล้ำ” ในวันนี้…ก็มิใช่จะชี้ว่าช่วงราว 9 ปีที่ผ่านมามีการแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ดี-ไม่ดี ก็เป็นแต่เพียงชี้ว่า… “ทุกข์คนไทยจากปัญหาความเหลื่อมล้ำที่นำสู่ปัญหาสังคมยังคงมีอยู่” ในหลาย ๆ ด้าน
และกับหลักใหญ่ใจความอีกบางส่วนดังที่มีการระบุไว้ในชุดข้อมูลบทความ “ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้” ที่จัดทำเผยแพร่ไว้โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ล่วงเลยมาถึงวันนี้ยังเป็น “ประเด็นที่ต้องสนใจ” เช่น… “ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้… ทำให้เห็นว่าข้ออ้างเพื่อการเรียกร้องทางการเมืองเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผล ไม่ว่าการเรียกร้องจะมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้ก็ควรที่จะได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้อง”
ในขณะที่…การ “เป็นหน้าที่ของรัฐในการแก้ปัญหา” เรื่องนี้…มาถึงวันนี้ก็ “ยังคงเป็น” ยังคงใช่…ซึ่ง “ประชาชนที่ยังทุกข์กับปัญหาความเหลื่อมล้ำ” ก็ย่อมจะ คาดหวัง “รัฐ” ภายใต้การบริหารของ “รัฐบาลเสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน”
ก็ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ “รัฐบาลใหม่”
ที่ “ประชาชนรอดูฝีมือ-ความจริงใจ”
รวมถึง “แก้ทุกข์ไทยจากเหลื่อมล้ำ”.