ใน ประเทศไทย ก็กำลังเฉลิมฉลอง เทศกาล Pride Month 2024 ที่ปีนี้ค่อนข้างจะพิเศษ เนื่องจากไทยมี “อัปเดต” เกี่ยวกับ “สิทธิผู้มีความหลากหลายทางเพศ“ ที่มีความ “ก้าวหน้า“ กว่าทุกปี… ก้าวหน้าจากการที่ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร และกำลังจะนำเข้าไปเป็นวาระเพื่อพิจารณาในวุฒิสภาเร็ว ๆ นี้ อีกทั้งในแวดวงพยาบาล สถานศึกษาหลายแห่ง ก็ได้มีการประกาศ “เปิดกว้าง” เรื่อง “เครื่องแบบ” ให้สามารถเลือกแต่งได้ตามเพศสภาพ และความเหมาะสมของตนเอง ซึ่งฉายภาพ…วันนี้ไทยมีความก้าวหน้าเรื่องนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเฉลิมฉลองที่ยึดโยงสิทธิผู้มีความหลากหลายทางเพศ กับ “สิทธิเพศหญิง“ ที่จะต้อง “ปลอดภัยจากความรุนแรง“ ในสังคมไทยตอนนี้…

นี่ ยิ่งเป็นปัญหาใหญ่-ปัญหาสำคัญ“
โดย ในสังคมไทยยังไม่อาจวางใจได้“
ไม่เพียงไม่ลดลง…ดูจะรุนแรงยิ่งขึ้น!!“

อนึ่ง สำหรับ “สถานการณ์ความรุนแรงต่อผู้หญิงไทย” นั้น เรื่องนี้ก็ได้รับการฉายภาพไว้โดย จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ที่ได้สะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาว่า… สถานการณ์การใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงในสังคมไทยตอนนี้ ยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงอยู่มากเนื่องจากสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น

ทางผู้อำนวยการมูลนิธิดังกล่าว ระบุต่อไปว่า… ที่กล้าพูดเช่นนี้ ก็เพราะจากการเก็บข้อมูลและติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่องมาตลอด พบว่า… สถานการณ์ผู้หญิงไทยกับปัญหาการถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัว กับกรณีปัญหาความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงไทย ยังไม่ดีขึ้น แต่มีแนวโน้มเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ ปัญหาผู้หญิงถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งสถิติที่เก็บไว้ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปลายปี 2566 พบตัวเลขน่าตกใจว่า มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับผู้หญิงไทยเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว ซึ่งสะท้อนได้จาก “ข่าวทำร้ายผู้หญิงรายวัน” ที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ โดยจากการรวบรวมกรณีที่เป็นข่าวลักษณะนี้ พบว่า…

จากปี 2565 ที่มีตัวเลขราว 400 เคส…
พอปี 2566 กลับเพิ่มเป็น 1,200 เคส!!
ตัวเลขนี้ ฉายภาพสถานการณ์ได้ชัด“

ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ยังได้สะท้อนเพิ่มเติมมาอีกว่า… นอกจากสถิติการ “ทำร้ายผู้หญิง” ที่ปรากฏในข่าวแล้ว ยังพบว่า… สถิติการ “ฆ่าในครอบครัว” ก็ “ยิ่งน่าเป็นห่วง!!” ซึ่งจากเดิมตัวเลขปี 2565 อยู่ที่ราว 300 เหตุการณ์ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 500 กว่าเหตุการณ์ในปี 2566 ซึ่งจากสถิตินี้ก็พอจะสรุปได้ชัดว่า… สถานการณ์ด้านนี้ของไทยยังไม่กระเตื้องดีขึ้นเลย!!

ส่วนกรณี ปัญหาการใช้ความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงไทย สำหรับเรื่องนี้ทาง จะเด็จ ก็ระบุว่า… สถานการณ์ก็แทบไม่ต่างกัน ถึงแม้ปัจจุบันสังคมจะเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในเรื่องสิทธิเท่าเทียมทางเพศ“แล้ว แต่ดูเหมือนก็ “ยังมีมุมมืด“ ที่ ยังมีผู้ชายบางส่วนไม่ยอมรับเรื่องนี้“ ส่งผลให้ยังมีผู้หญิงจำนวนมากถูกกระทำด้วยความรุนแรงอยู่ เนื่องจากผู้ชายกลุ่มนี้ ยังคงมองเพศหญิงอยู่ต่ำกว่า โดยคนกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มคนที่ ยังยึดมั่นกับอำนาจชายเป็นใหญ่

ยัง “ยึดติดอคติทางเพศเชิงลบยุคเก่า”
โดย “ไม่สนใจโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป”

นอกจากนี้ ผู้ที่ทำงานด้านหญิงชายเท่าเทียมคนเดิมยังระบุว่า… มองจากสถิติข้อมูลและสถานการณ์ที่ปรากฏแล้ว…ไม่ได้ดีขึ้นเลย ยิ่งนับตั้งแต่หลัง วิกฤติโควิด-19 ที่มีเรื่องของวิกฤติเศรษฐกิจเข้ามาซ้ำ ยิ่งทำให้ “เศรษฐกิจเป็นปัจจัยกระตุ้น“ ทำให้เกิดการ ใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงเพิ่มขึ้น“ ทำให้ ปัญหาลุกลามขยายกว้างมากขึ้น“ เนื่องจากครัวเรือนส่วนใหญ่เจอกับภาวะฝืดเคือง ทำให้เกิดความตึงเครียดสูงขึ้นภายในครอบครัว ซึ่งหลาย ๆ ครั้งได้นำสู่เหตุการณ์น่าเศร้า อย่าง “การฆาตกรรมหมู่ทั้งครอบครัว” ที่ในไทยช่วงหลังพบว่า “เกิดบ่อยครั้งขึ้น!!” ซึ่งจำเป็นที่ สังคมไทยจะต้องช่วยกัน “ลดวงจร-ตัดวงจร” ของปัญหานี้เร่งด่วน โดย ควรช่วยกันอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง เท่านั้น

“ที่น่ากังวลคือ พอมีข่าวแบบนี้บ่อย ๆ บางคนอาจชาชินจนมองเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งอันตรายมาก โดยรัฐต้องเข้ามาจัดการปัญหานี้ให้ได้ โดยควรมีกลไกและระบบเพื่อแก้ปัญหานี้ที่ชัดเจน เช่น เมื่อเกิดความรุนแรงขึ้น ตำรวจต้องรับแจ้งความ อย่ามองเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งถ้าไม่เปลี่ยนมุมคิดเรื่องนี้ สุดท้ายปัญหาก็จะยังเหมือนเดิม“

ทั้งนี้ จะเด็จ เชาวน์วิไล ยังได้สะท้อนข้อเสนอแนะ “วิธีแก้ปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง” มาด้วยว่า… อันดับแรก ต้องมองเป็นปัญหาระดับชาติ เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่จริงจังมากขึ้น อันดับสอง ต้องผลักดันกฎหมายคุ้มครองในครอบครัว เพื่อให้ผู้ที่คิดใช้ความรุนแรงในครอบครัว หรือกับผู้หญิง เกิดความเกรงกลัว อันดับสาม ต้องเพิ่มสิทธิการปกป้องตัวเองของผู้หญิงด้วย
การออกแบบให้ผู้หญิงมีระบบที่จะคุ้มครองตัวเองได้สะดวกมากขึ้น และอันดับสี่ ผู้ชายต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เลิกยึดติดกับคติอำนาจชายเป็นใหญ่ โดยข้อเสนอแนะทั้งหมดนี้ต้องทำพร้อม ๆ กัน…จึงจะเกิดผล

ยุคนี้ สิทธิหลากหลายทางเพศดีขึ้น“
แต่ เพศหญิงยังคงย่ำแย่ด้านสิทธิ“
น่าคิด ถูกใช้ความรุนแรงสูงลิ่ว!!“.