ห่างหายจากงานภาพยนตร์ไปนานถึง 4 ปี สำหรับคุณแม่ซุป’ตาร์ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ล่าสุดกับบทบาทสุดท้าทายใน ลอง ลีฟ เลิฟว์ (Long Live Love) หนังแนวฮาม่า ที่กำลังจะเข้าฉายเร็ว ๆ นี้ คอลัมน์ “ดาวต่างมุม” มีโอกาสพูดคุยกับ “ชมพู่-อารยา” แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เลยไม่พลาดให้เจ้าตัวรีวิวชีวิตฉบับตัวมัม การลอยตัวเหนือดราม่าต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา ในวันที่ลูก ๆ “สายฟ้า-พายุ” และ “น้องแอบิเกล” คือความสุขที่สุดในชีวิต !

ตื่นเต้นไหมกับการกลับมารับงานหนังในรอบ 4 ปี?

“ช่วงที่ออกมาทำงาน ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าตอนที่จะได้ดูในโรงภาพยนตร์จริง ๆ พอเราถ่ายทำมาเรื่อย ๆ จนรู้สึกผูกพันกับหนัง จนมีโอกาสได้เห็นเทรเลอร์ ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนี้มานานแล้วที่อยากจะเห็นงานตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเราก็ทำงานมาเยอะ พอจะมีหนังเข้า หรือละครออนแอร์ ก็จะรู้สึกปกติ แต่กับเรื่องนี้เราอยากเห็น เพราะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับชมด้วย หลาย ๆ คนในเรื่อง ก็เป็นคนที่เราแทบจะไม่เคยร่วมงานเลย แล้วมู้ดแอนด์โทนต่าง ๆ ก็ค่อนข้างใหม่หมดเลย”

กับหนังแนวตลกร้าย?

“จริง ๆ ตอนที่ได้รับการติดต่อและอ่านบทเราก็เข้าใจว่า พล็อตค่อนข้างจะไปทางคอมเมดี้ และผู้กำกับอย่าง  “มุก-ปิยะกานต์” เขาก็มีความเป็นคอมเมดี้อยู่ในตัวอยู่แล้ว มีความตลกร้าย แต่พอเราได้เล่นจริง ๆ รู้สึกว่า มันคมจนฝืดคอเลย กลืนไม่ลง รสชาติของหนังประมาณนั้นเลย ตอนดิ่งก็พาเราไปสุดเหมือนกัน และที่ผ่านมาเราไม่ได้เล่นหนังที่มีความเป็นครอบครัว หรือคนวัยนี้จริง ๆ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่เราจะแต่งงานหรือมีลูก บางทีถ้าต้องทำความเข้าใจกับความเป็นแม่ เอาแค่ต้องเป็นคนท้องเรายังไม่เข้าใจอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง แต่พอ ณ วันนี้ ที่เราเป็นแม่จริง ๆ มันไม่ต้องพยายามที่จะเข้าใจ เราสามารถเข้าใจได้ด้วยหัวใจเราเลยว่า ความเป็นห่วงลูก ห่วงครอบครัว การเสียสละ เป็นยังไง โดยที่เราไม่ต้องอธิบายเลย”

สายฟ้า พายุ ได้ดูเทรเลอร์ไหม?

“ไม่ได้ให้ดูค่ะ ชมคิดว่ายังมีเนื้อหาบางส่วนที่เขาอาจจะยังไม่เข้าใจ อาจจะต้องรอให้โตอีกนิดนึง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ไปถ่ายหนัง เพราะเราบอกแค่ว่าแม่ไปทำงานนะ (ยิ้ม)”

ย้อนไปก่อนหน้านี้มีพาดหัวข่าวชมพู่-อารยา เตรียมลาวงการ?

“ได้อ่านเหมือนกันค่ะ ก็ไม่มีอะไร วงการบันเทิงอะเนอะ (ยิ้ม) จริง ๆ เรื่องเกิดจากที่ตอนนั้นเราไปดูโรงเรียนที่อังกฤษ เด็ก ๆ ก็ชอบ เพราะสถานที่สวย แล้วก็คิดไว้ว่าถ้าเป็นที่นี่จริง ๆ แต่เป็นเรื่องของอนาคตมาก ๆ อีก 7-8 ปี ถ้าเขาสอบติดและต้องอยู่โรงเรียนประจำ ช่วง เสาร์-อาทิตย์ เด็กที่โน่นก็จะกลับบ้านมาเจอพ่อแม่ เราก็คิดว่าเสาร์-อาทิตย์ ออกมาแล้วเขาควรจะได้เจอเรา เลยคิดว่าคงไป ๆ มา ๆ เพราะการเดินทางเดี๋ยวนี้ก็สะดวกสบาย ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เราเลยอยากจะไปอยู่ตรงนั้นให้มากที่สุด ถ้าไปคงเป็นพี่ ๆ สายฟ้า-พายุ ก่อน ส่วน เกล เดี๋ยวค่อยดูอีกที เพราะว่าเป็นผู้หญิง พ่อเขาเลยไม่อยากให้ไปช่วงที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ อาจจะไปช่วงเรียน ป.โท ณ วันนี้เราก็คิดแบบนี้ แต่ถึงวันนั้นจริง ๆ อะไรก็อาจจะเปลี่ยนได้”

อัปเดตลูก ๆ หน่อยวันนี้เริ่มโตกันขึ้นมาอีกสเต็ปแล้ว?

“เอาจริง ๆ ชมยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเด่นด้านไหน เพราะเขากำลังสำรวจตัวเองไปเรื่อย ๆ เราให้เขาทำทุกอย่างที่เขาอยากทำ แต่เท่าที่ดู พายุ น่าจะชอบเลข ชอบนับเงิน ดูแววแล้วน่าจะได้ทางพ่อมาเยอะ ส่วนพี่สายฟ้า เขาจะมีพาร์ตที่มีความเป็นศิลปิน แต่พายุเขาก็มีมุมครีเอทีฟ มีความจินตนาการ ชอบการแสดง แต่อย่าหลายเทคนะ (ยิ้ม) แต่พี่สายฟ้าเขาทำ เพราะเราขอให้เขาทำ อย่างเวลาไปถ่ายโฆษณา เอเนอร์จีพี่สายก็คือทำให้ แต่ไม่ได้ชอบ จะดีกว่านิดหนึ่ง แต่อย่างในรายการ ครัวยายหนิง เขาจะเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้สั่งให้ทำอะไร อยากเดินไปไหนก็ไป”

รายการ ครัวยายหนิง เรตติ้ง ดีมาก ทำให้ชมได้ใช้เวลากับแม่มากขึ้นไหม?

“เกินคาดนะคะ แต่เรารู้สึกลึก ๆ อยู่แล้วว่าคนต้องการดูอะไรแบบนี้ คอนเทนต์ที่เป็นการทำอาหาร หรือปลูกผัก ยายเขาก็จะมีเอกลักษณ์ของเขา และเป็นคอนเทนต์ที่ไม่มีพิษมีภัย ดูเพลิน ๆอีกส่วนหนึ่งชมว่าเป็นเรื่องของคนที่มีความคิดถึงบ้าน อยู่ไกลบ้าน อาจจะอยู่ต่างประเทศ หรือเป็นคนต่างจังหวัดที่มาทำงานในกรุงเทพฯ คิดถึงผู้ใหญ่ที่บ้าน คิดถึงอาหารที่บ้าน”

ทำให้ทุกคนได้ใช้เวลากับคุณยายมากขึ้นไหม?

“จริง ๆ ช่วงโควิด-19 ที่เราใช้มือถือถ่ายกันเองเล่น ๆ เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้นะคะ แต่ว่าตอนนี้การไปหาไม่ใช่การไปชิลแล้ว แต่เป็นความตั้งใจ พาหลานไปหายาย แต่จริง ๆ ตอนที่คุณยายจะซื้อที่ปลูกผักตอนนั้นชมไม่ได้เห็นด้วย คือเราเข้าใจในสิ่งที่เขาอยากทำ แต่อยากให้เขาไปซื้อที่ดิน ตรงที่วันหนึ่งถ้าเราไม่ได้อยากทำแล้วมันจะมีราคาขึ้นมาได้ เราก็มองในมุมมองของการซื้ออสังหาฯ ที่ต่อยอดได้ แต่เราก็ขวางแล้วอะไรแล้ว ตีกันแล้วแทบจะบ้านแตก แต่สุดท้ายเขาก็ไปซื้อเลย ไปโอนที่อำเภอเสร็จเรียบร้อย (ยิ้ม) ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็คิดซะว่าเป็นการซื้อความสุขให้เขา มองมูลค่าของมันที่ความสุข ไม่ได้มองว่าจะไปต่อยอดอะไร ทำรายการเผื่อจะถอนทุนได้บ้าง (หัวเราะ)”

แล้วบ้านที่สร้างติดกับบ้านคุณยาย ใกล้เสร็จหรือยัง?

“บ้านหลังนั้นเราก็ได้ไอเดียช่วงโควิด-19 นะคะ จริง ๆ เราอยากทำสระว่ายน้ำให้เด็ก ๆ ซึ่งเราคิดว่ามีตัวบ้านอยู่แล้ว พื้นที่ทั้งหมดมี 3 ห้องนอน แต่เราทำแค่ห้องนอนเดียว เหลือไว้เก็บของใช้ส่วนตัว ข้างล่างมีที่นั่งทานข้าว ที่นั่งชิลนิดหน่อย คงไม่ได้อยู่จริง เพราะชีวิตเราอยู่ในเมือง ถ้าว่างเสาร์-อาทิตย์ หรือปิดเทอม เด็ก ๆ ก็คงได้ไป ถือว่าเป็นการซื้อความทรงจำให้เด็ก ๆ”

การรับมือแบบตัวมัม ลอยตัวเหนือดราม่า ใช้ได้กับทุกเคสไหม?

“ถ้าเรามองว่าดราม่าบางเรื่อง เป็นเรื่องไร้สาระ เราก็ไม่ได้ไปทรีตมัน คนจะชอบถามว่าชมรับมือยังไง เราก็คือไม่ต้องไปรับมือ ปล่อยไปเลย ไม่ต้องคิดว่าจะไปแก้ไข หรือไปโต้ตอบ เพราะว่าถ้าไม่ได้มีสาระอะไรเราก็ไม่ต้องไปรับมือ แต่โอเค ถ้าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ เราก็ต้องหาทางออกกันไป แน่นอนว่าตอนเรามาแรก ๆ เราก็จิตอ่อนกว่า บอบบางกว่านี้ ใครเขียนถึงเราไม่ดี ก็มีเสียใจบ้าง แล้วก็คิดว่าคุณน็อตเป็นอีกคนหนึ่งที่ทำให้เรามองอะไรตามความเป็นจริง เวลาที่เรามีเรื่องที่คาใจ หรือเรื่องนอยด์ คุณน็อตเขาจะมีมุมมอง และวิธีพูดที่ทำให้เราไม่เก็บมาทำให้รกสมอง ว่าเรื่องนั้นไม่สำคัญเลย ทำให้เราโยนประเด็นนั้นทิ้งไปเลย”

คนจะมองว่า ชมพู่-อารยา เป็นตัวแทนของความเพอร์เฟกต์ ครอบครัว หน้าที่การงาน?

“ชมว่าไม่มีอะไรที่เพอร์เฟกต์ แล้วเราก็ไม่ได้คิดว่าเราเพอร์เฟกต์ด้วย ตรงนี้เป็นเรื่องแล้วแต่คนจะมอง แต่เราก็เป็นคนคนหนึ่งที่มีทั้งวันดี ๆ วันแย่ ๆ วันที่อะไรเป็นใจวันที่อะไรไม่เป็นใจ วันที่มีอะไรมากระทบความรู้สึก ทุกอย่างอยู่ที่มุมมอง”

คิดว่าอะไรทำให้คนยังพูดถึงชื่อของ ชมพู่-อารยา และเรายังอยู่ในความสนใจ?

“เราไม่แน่ใจว่าเรายังอยู่ในสปอตไลต์ขนาดนั้นหรือเปล่า ถ้าไปถามเด็กมาก ๆอาจจะไม่รู้จักเราแล้ว เป็นเรื่องของกาลเวลา ชมว่าส่วนหนึ่งเราต้องเข้าใจธรรมชาติ รู้จักปรับตัว และไม่ได้ยึดติดกับความสำเร็จในอดีตของเรา รู้ว่าอะไรที่เราควรจะรักษาไว้ และอะไรที่เราควรจะต้องปรับให้ไปตามยุคสมัย แต่ถ้าบางอย่างที่มันขัดกับเราก็คงต้องปล่อยผ่าน แต่อะไรที่เรารู้สึกว่าเราสนุกกับกระแสได้ เป็นอะไรใหม่ ๆ ก็ลองทำดู ทำงานกับคนใหม่ ๆ บ้าง ทำงานกับเด็ก ๆ บ้าง จะได้รู้ว่าเขาคิดยังไง โลกมันไปถึงไหนแล้ว เพราะชมว่าไม่ได้มีเจเนอเรชันไหนที่ถูกหรือว่าผิดเสมอไป บางอย่างถ้าเรายังยึดติดกับสูตรเดิม ๆ ก็อาจจะไม่เวิร์ก แต่บางอย่างก็คลาสสิก ที่ต้องเก็บไว้ตามนั้น”

ความสุขของ ชมพู่-อารยา ทุกวันนี้?

“คงเป็นลูก ๆ ครอบครัว และการอยู่กับโมเมนต์ปัจจุบัน ความสงบ ไม่ต้องมีเสียงวอแวอะไรมาก ชมชอบอยู่กับอะไรทีละอย่าง ทุกวันนี้ตื่นเช้ามา ชมพู่ก็จะไปอาบน้ำ ไปส่งลูกที่โรงเรียนต่อด้วยการออกกำลังกาย เสร็จแล้วก็กินข้าว ถ้ามีนัดหมายอะไรก็จะทำให้เสร็จ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับงาน ก็จะเป็นเรื่องของการดูแลตัวเอง เป็นโหมด เวลล์ บีอิ้ง มาก ๆ เพราะตอนนี้สิ่งที่ชมให้ความสำคัญอันดับแรกก็คือลูก อันดับสองคือเรื่องของสุขภาพกาย สุขภาพใจ ที่เราโฟกัส เพราะเราอยากอายุยืน อยากมีสุขภาพที่ดี อยู่กับลูกไปนาน ๆ”

ธุรกิจตอนนี้แบ่งเวลาโฟกัสยังไงบ้าง?      

“อย่างที่บอกตอนนี้ว่าลูกมาเป็นอันดับ 1 นอกจากนั้นเราก็มีเวลาให้กับธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นอย่าง เฮ้าส์ ออฟ แอบบี้, แบรนด์สายฟ้า-พายุ แล้วก็มีธุรกิจเกี่ยวกับนิตยสาร ถามว่ามีฝันที่ใหญ่กว่านี้ไหม หรือมีอะไรที่อยากทำไหม ก็มีนะคะ แต่เราก็พยายามบาลานซ์กับเวลาที่ต้องให้กับลูก เราก็รู้สึกว่า 1-3 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากกับการเป็นคุณแม่ที่เกือบจะฟูลไทม์ ก็เลยอาจจะทำได้ไม่สุดเท่าไหร่ แต่เราก็ทำตามกำลังเท่าที่เราจะทำได้นะคะ เพียงแต่ว่าฝันที่เราอยากจะทำ อาจจะเป็นวันที่เราวางใจเรื่องลูกแล้วประมาณหนึ่ง อาจจะเป็นสปีดที่ช้าลงหน่อย เพราะเวลาที่เรามีไอเดียอะไร เราก็ยังอยากเป็นคุณแม่เต็มเวลา ยังอยากดูแลสุขภาพให้ฟิต แข็งแรงที่สุด สุขภาพจิตก็ไม่อยากเครียด อยากนอนให้ครบชั่วโมงที่สุด”

ทุกวันนี้ยังมีความเครียดบ้างไหม?

“ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีความคำว่า ความเครียดคืออะไรนะ สำหรับชมแค่ทำงานติดกันหลาย ๆ วัน ถ้าไม่ได้มีเวลาให้กับตัวเอง หรือเวลาทบทวนอะไรนิ่ง ๆ ก็จะมีความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัวแล้ว แต่ไม่ใช่เครียดแบบคิดไม่ตก คนนั้นพูดอย่างนี้แล้วเก็บมาคิด สำหรับชมเป็นความเครียดจากชีวิตประจำวันมากกว่า ที่อยู่ในไลฟ์สไตล์ของเราทุกคน บางทีลูกก็เอาพลังเราไปหมด แล้วเราไม่อยู่กับตัวเอง วิธีจัดการของชม คือก่อนนอนก็อาจจะทำสมาธินิดหน่อย หาพอดแคสต์ดี ๆ ฟัง ชมจะเปิดการทำสมาธิแบบ “มีเสียงนำ” (Guided Meditation) ซึ่งทำให้เราหลับสบายด้วย”

สุดท้ายฝากถึงแฟน ๆ ที่โตมาพร้อมกับ ชมพู่-อารยา?

“สำหรับคนที่โตมาพร้อม ๆ กับชมก็ขอบคุณมากเลย สำหรับการติดตาม แล้วก็อยากให้ดูหนังเรื่องนี้ เพราะเราก็ยังไม่เคยเห็นในโหมดนักแสดงเวอร์ชันนี้ ส่วนใครที่ไม่เคยติดตามก็อยากให้ลองดู ยังมีคนอื่น ๆ ในเรื่องให้ดู รุ่นเดียวกันก็มีเบคกี้ด้วย เป็นหนังที่ดีอีกเรื่องค่ะ”.

นฤมล แซ่แต้ : เรื่อง / ทศวรรษ สุระการณ์ : ภาพ