นักร้องสาวใต้สวยหน้าคม เปา–กิ่งกาญจน์ ส่องสว่าง เจ้าของเพลง “มงลง” ที่มียอดวิวถล่มทลายกว่า 20 ล้านวิว จากจุดเริ่มต้นของเด็กผู้หญิงที่ร้องเพลงตามงานวัด จนก้าวสู่วงการบันเทิง และได้เป็นนางเอกภาพยนตร์เต็มตัวเรื่อง “รักได้แรงอก” ที่ได้กระแสตอบรับจากคอหนังทางภาคใต้เป็นอย่างดี คอลัมน์ “ดาวต่างมุม” วันนี้เลยไม่พลาดชวนสาว “เปา” มานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต ที่เธอบอกว่าผ่านร้อนผ่านหนาว รวมถึงกระแสดราม่าต่าง ๆ มาไม่น้อย

โตมากับการร้องเพลงตามงานวัด?

“หนูก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะเหมือนกัน เราชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ๆ เคยประกวดร้องเพลงตอน ป.4 –ป.5 แต่ว่าตกรอบ ไม่เคยได้รางวัลเลย แล้วเราก็ชอบและถูไถมาเรื่อย ๆ โตมากับการร้องเพลงตามงานวัด ภาษาใต้เขาจะเรียกว่า “เวทีรำวงเวียนครก” เป็นการแสดงรำวงพื้นบ้าน ครั้งแรกได้ค่าขนมมา 800 บาท หลัง ๆ ก็ได้คืนละพันห้าบ้าง สองพันบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าจะได้ทิปเท่าไหร่ แล้วเราก็ต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย หลายบทบาท จริง ๆ ครอบครัวเปาก็ไม่ได้ลำบากมาก แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่นเขา ถ้าอยากได้มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ก็ต้องหาเงินซื้อเอง เพราะแม่ก็หนักเหมือนกัน มีทั้งยาย ทั้งลุง ทั้งหลาน แม่ก็เลี้ยงหมดเลย เราเลยอยากจะแบ่งเบาภาระ ก็ร้องเพลงหาเงินไปเรียนเอง มาถึงวันนี้ก็ภูมิใจมาก”

ใช้หนี้จนหมด?

“หนูรู้เลยว่าเงินหนึ่งพันบาทมีค่ามาก ถึงแม้ตอนนี้เราจะทำงานหาเงินได้มากกว่าตอนนั้นแล้ว แต่ด้วยเศรษฐกิจอะไรต่าง ๆ เราก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย เพราะอย่างตอนโควิด-19 เงินที่เราเก็บมาก็แทบจะหมดเลย เราทำเพลงมาก็ได้ยอดวิวจากยูทูบบ้าง งานรีวิวบ้าง แต่เอามาแบ่งเบาภาระครอบครัว และครอบครัวเราก็มีหนี้สินอยู่ ที่ไปหยิบยืมให้เราตอนลูกเรียน ก็ทยอยใช้คืนเรื่อย ๆ จนตอนนี้ใช้หมดแล้ว”

มีอะไรอยากทำให้ครอบครัวอีกไหม?

“ความฝันของหนูไม่ต้องรวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน ขอแค่มีบ้าน มีรถ มีที่อยู่อาศัย ให้พ่อแม่และครอบครัวมีความสุข แค่นั้นก็อิ่มใจแล้วค่ะ ชีวิตนี้ไม่ได้ต้องการอะไรมาก หนูอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้กระเป๋าแบรนด์เนมสักใบเลย เพราะคิดว่าเป็นของนอกกาย จะซื้อวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็ได้ แต่เดี๋ยวของใหม่ ๆ ก็เข้ามาเรื่อย ๆ”

เปาทำไรเจอกระแสดราม่า ถึงกับเคยไปออกรายการโหนกระแส?

“มีน้อยใจบ้างค่ะ ที่มีข่าวลบ ๆ แต่ตอนนั้นเรายังเด็ก เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์”

ช่วงที่มีปัญหากับอดีตต้นสังกัด เปาท้อหรือคิดว่าเราไม่เหมาะกับตรงนี้ไหม?

“มีค่ะ เรื่องท้อใจก็มีหลายอย่างเหมือนกัน พูดกันตามตรงเลย ว่าบางเดือนเราไม่ได้มีเงินมากพอที่จะมีเงินส่งให้พ่อแม่ ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ด้วย ทางบ้านเราก็ไม่ได้ไปขายของ หรือออกไปทำงานเลย เราก็เสียใจ ร้องไห้ฟูมฟายอยู่กับห้อง คิดฟุ้งซ่าน อยู่กับเรื่องครอบครัว ว่าจะทำยังไงก็ได้ให้ครอบครัวเรามีความสุข กินอิ่ม นอนหลับ ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเลย (น้ำตาคลอ) เรื่องครอบครัวเป็นจุดอ่อนมาก”

เราเอาชนะความรู้สึกตัวเองได้ยังไง?

“มีพ่อแม่ค่ะที่คอยให้กำลังใจ ลุงป้าน้าอา ส่งกำลังใจมาให้ตลอด เพราะส่วนใหญ่เราจะทำงานอยู่กรุงเทพฯ เวลามีปัญหาเราก็จะไม่เล่าให้เขาฟังหรอก แต่สัญชาตญาณความเป็นพ่อเป็นแม่เขาก็จะรู้เลยว่าเราเครียดอยู่ เราก็ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ ถึงแม้จะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมาก แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ส่งอาหารใต้มาให้ทานบ้าง เราก็มีความรู้สึกคิดถึงบ้าน แต่เรากลับไม่ได้เพราะต้องทำงาน แต่ถ้ามีเวลาเราก็จะหาโอกาสกลับไปทุก ๆ เดือน แต่บางเดือนก็ไม่อยากไป เพราะค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง”

ไกลเกินฝันกับบทนางเอกภาพยนตร์?

“หนูไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้เป็นนางเอก หนูยังงงอยู่เลย ยังคุยกับแม่ว่า แม่ดีใจกับหนูไหม หนูได้เป็นนางเอกแล้วนะ ต้องบอกกว่าเป็นความฝันของเราที่คิดว่าสักวันหนึ่งอยากมีโอกาสเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นละคร หรือภาพยนตร์ ก็คิดว่ายังไงสักวันหนึ่งฉันจะต้องไปอยู่หน้าจอให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบทไหนก็ได้ ขอให้เราได้อยู่บนหน้าจอทีวีก็พอ ตอนนี้ก็เรียกว่ามาไกลเกินฝัน แต่ก็เจอคำบูลลี่เหมือนกันว่าเป็นนางเอกได้ยังไง”

ผลงานการแสดงเรื่องแรก “รักได้แรงอก”?

“ตอนแรกเราก็กลัวว่าจะเล่นไม่ได้ค่ะ ยังไม่ได้เปิดใจ ยังมีความกังวลว่า ถ้าจะเล่นละครหรือภาพยนตร์จะทำได้หรือเปล่า เพราะเราไม่เคยผ่านงานแสดง หรือเรียนการแสดงมาก่อนเลย เราอาจจะเคยเล่นเอ็มวี ร้องเพลงมาบ้าง ก็พอจะมีความรู้ด้านนี้นิดหน่อย พอได้แสดงจริง ๆ ก็ค่อนข้างท้าทาย และยากพอสมควรเลย ทั้งจำบท ทั้งอินเนอร์ หลาย ๆ อย่าง ต้องมีการสลับร่างต่าง ๆ กับพระเอก นอกจากนี้ก็มีรำมโนราห์ พูดภาษาใต้ ซึ่งตรงนี้เราเป็นคนใต้เลยไม่ยากเท่าไหร่”

ผลงานอื่น ๆ ของเปาตอนนี้มีอะไรบ้าง?

“เพลง “มงลง” 20 ล้านวิวแล้วค่ะ จริง ๆ หนูตั้งเป้าไว้ที่ 10 ล้านวิวเองค่ะ ก็เรียกว่าเกินคาดมาก ๆ นอกจากนี้ก็มีคอนเสิร์ตค่ะ เป็นมินิคอนเสิร์ตบ้าง แล้วก็คอนเสิร์ตแบบเต็มวง มีงานรีวิวสินค้าต่าง ๆ และตอนนี้ก็มีรายการเพชรตัดเพชร ซีซัน 2 ทางช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี แล้วเราก็เพิ่งปล่อยซิงเกิ้ลล่าสุดไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ชื่อเพลงว่า “เหงาแปลว่าโสด” อีกสักพักหนึ่งน่าจะมีซิงเกิ้ลใหม่ค่ะ น่าจะเป็นเพลงช้า เดี๋ยวจะได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ ก็ฝากให้แฟน ๆ ติดตามกันด้วยนะคะ”

จากเคยมีค่ายแล้วมาทำเพลงเองยาก มั้ย?

“ยากมากค่ะ เพราะเราต้องคิดคอนเซปต์เอง ต้องให้พี่ ๆ ทีมงาน คอสตูมช่วยหมดเลยทุกอย่าง ก็ต้องขอบคุณผู้จัดการคนเก่า แต่ตอนนี้หนูไม่ได้มีผู้จัดการส่วนตัว หนูก็ดูแลตัวเอง คือเมื่อก่อนงานหนูเยอะมาก แต่ตอนนี้งานเราก็เรื่อย ๆ พออยู่ได้ เลยทำเองดีกว่า ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ ได้เจอประสบการณ์ใหม่ ๆ เจอเพื่อนใหม่ที่หลากหลาย ทำให้เราแข็งแรงกว่าเดิมด้วย”

เขาบอกว่าเป็นดารา-นักร้อง เดี๋ยวนี้ไม่ยาก แต่จะทำยังไงให้อยู่ได้นาน?

“ยากมากค่ะ อย่างแรกเลยค่ะเรื่องพฤติกรรม นิสัย สำคัญมาก เมื่อก่อนหนูเด็กมาก ก็ยอมรับว่ามีดื้อบ้าง แต่เราก็เรียนรู้อะไรมากขึ้น อย่างตอนนี้หนูอายุ 23 ก็ไม่เด็กแล้ว ในระยะเวลา 2 ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา เราก็ปรับทั้งเรื่องนิสัย บุคลิกต่าง ๆ และเข้าหาผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะเป็นสังคมที่เราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน”

จริง ๆ มีความใฝ่ฝันว่าอยากประกวดนางงาม?

“ใช่ค่ะ มีคนเชียร์เยอะมาก หนูอยากประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์มาก ๆ เลยค่ะ แต่ตอนนี้หนูยังไม่พร้อม เราคิดว่ารอให้ตัวเองพร้อมก่อนแล้วจะลงประกวด ถึงไม่ได้ไม่เป็นไรค่ะ ก็คิดว่าเราจะไปหาประสบการณ์ จริง ๆ ก่อนหน้านี้หนูไม่เคยดูนางงามเลย แต่เพิ่งมาติดตามตอนพี่อิงฟ้าประกวด เพราะพี่เขามีความสามารถหลากหลาย เลยเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เราเลยอยากไปโชว์ศักยภาพบ้าง”

อัปเดตสถานะหัวใจหน่อย?

“คุยกับคนเดิมมา 4 ปีกว่าแล้วค่ะ ต้องบอกว่าเราลำบากมาด้วยกัน จับมือก้าวผ่านมาด้วยกัน อาจมีน้อยใจกันบ้าง ทะเลาะกัน เราทำงานตรงนี้ ก็ไม่ได้เปิดหรือปิด คนที่รักเราจริง ๆ ส่วนใหญ่รู้ว่าเราคุยกับใคร

เริ่มมองอนาคตคุย ๆ เรื่องแต่งงานกันบ้างมั้ย?

“ยังไม่รีบเลยค่ะ ยังอยากทำงาน อีกสัก 5-6 ปี ตอนนี้เพิ่งอายุ 23 เอง ไม่รีบค่ะ ตอนนี้อยากทำงานมากกว่า ถ้าเราตั้งใจจะแต่งงานจริง ๆ ต้องมีอะไรครบแล้ว บ้าน รถ มีเงิน มีอะไรให้ลูก ถ้าหนูจะแต่งงานอีก 1 ปีหนูจะมีลูกเลย คือจะได้ทันใช้ก็ต้องคิดวางแผนชีวิตดี ๆ ช่วงนี้จะเป็นช่วงสร้างเนื้อสร้างตัวมากกว่า”.

นฤมล แซ่แต้ : เรื่อง / ภมร มานะพรชัย : ภาพ