เรียกว่าไม่มีเวลาฮันนีมูนจริง ๆ รัฐบาลแพทองธาร หลังรับไม้สานต่องานมาจาก รัฐบาลเศรษฐา ลุยขับเคลื่อนงานต่อทันที เพียงช่วงเวลา 1 เดือนเศษ ๆ เจอบททดสอบงานหินเข้ามาพร้อม ๆ กัน ทั้งเรื่อง วิกฤติอุทกภัยน้ำท่วม–ทะเลโคลนถล่มจังหวัดภาคเหนือ ล่าสุดยังเกิด เหตุโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา
ประเดิมการแสดงภาวะผู้นำประเทศของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หญิงไทย วัย 38 ปี กับการแก้ปัญหาภาวะวิกฤติเฉพาะหน้า!!
เมื่อก้าวขึ้นมาสู่ ผู้นำรัฐนาวาประเทศ แบบเต็มตัว ยังจะต้องเจอมรสุมปัญหามากมายกว่านี้อีกแน่นอน การวางตัว-คำพูด-ให้สัมภาษณ์ หรือแม้กระทั่งตอบโต้ทางโซเชียล ต้องเริ่มรัดกุมรอบคอบมากยิ่งขึ้น ก่อนนายกฯ จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศครั้งแรก ร่วม ประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ครั้งที่ 3 ที่กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ไปตรวจการบริหารจัดการน้ำ ที่กรมชลประทานปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อได้เห็นตัวเลขกรมชลประทานรายงาน ก็ให้สัมภาษณ์สื่อแบบมั่นใจว่า
“ปีนี้ถ้าเทียบกับปี 2554 อยากให้เกิดความสบายใจ ซึ่งปี 2554 มีพายุเข้ามา 5 ลูก แต่วันนี้มีมาลูกเดียว นอกจากนี้ปี 2554 เหลือพื้นที่เก็บน้ำ 1,000 กว่า แต่ตอนนี้เหลือ 6,000 กว่า ห่างกันเยอะมาก ส่วนปริมาณน้ำฝนปีนี้เยอะกว่าปกติ 2% แต่ปี 2554 เยอะกว่าปกติประมาณ 25% ดังนั้นคนกรุงเทพฯที่กำลังกลุ้มใจน้ำจะท่วม ก็ไม่ต้องน่าเป็นห่วง“
แต่ธรรมชาติไม่เคยเข้าใครออกใคร เรียกว่าประมาทไม่ได้เลย บางครั้งก็มาแบบเหนือความคาดหมาย เพราะหลังนายกฯให้สัมภาษณ์ ใครจะไปเชื่อเกิดฝนถล่มซ้ำต่อเนื่องในภาคเหนือและ กทม. รวมถึงปริมณฑล โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เจอน้ำท่วมระลอกสอง ในสภาพที่ทะเลโคลนจากระลอกแรกยังชะล้างกันไม่หมดต้องเจอน้ำท่วมอีก
เท่านั้นไม่พอ อ.เมืองเชียงใหม่ ย่านพื้นที่เศรษฐกิจ โรงพยาบาล โรงเรียน หมู่บ้านใหญ่ ๆ จมบาดาล ระดับน้ำท่วมสูงยิ่งกว่าปี 54 แม้กระทั่งช้างยังจมน้ำ ผู้เฒ่าผู้แก่ถึงกับบอกว่า น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ อาจหนักสุดในรอบ 100 ปีเลยทีเดียว!!
การแก้ปัญหาภาวะวิกฤติเฉพาะหน้าของรัฐบาล ได้ กองทัพ ช่วยเป็นหัวหอก พล.อ.ชัยณรงค์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.ที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่ ระดมสรรพกำลังเต็มอัตรา สลับสับเปลี่ยนขึ้นไปช่วยชาวบ้าน โดยมี ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึง อีกหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และ อาสากู้ภัยฯ เกาะติดสู้กับน้ำและโคลนมาหลายสัปดาห์แล้ว แม้กระทั่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นำคณะแวะเวียนขึ้นไปช่วยใกล้ชิด
สัญญาณเตือน มวลน้ำ เล่นงานเชียงใหม่-เชียงรายจนอ่วมแล้ว จากนี้คงไหลหลากลงมาตามลำน้ำ ทั้ง ปิง–วัง ก่อนจะมาสมทบกับอีก 2 สาย คือ ยม–น่าน ที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ จะกลายเป็น มวลน้ำอีกก้อนใหญ่ ที่ถาโถมเติมลงมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยา ก็ประกาศเตือนพื้นที่ใต้เขื่อนเฝ้าระวัง ตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี และนนทบุรี เพราะต้องระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง
ภาพน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่ และอ.แม่สาย จ.เชียงราย ต้องยอมรับ มวลน้ำ–ดินโคลน มามากจริง ๆ ขนาดกำลังทหารช่วยเสริม บิ๊กแบ็ก เข้าไปช่วยก็ยังเอาไม่อยู่ ตอนนี้รัฐบาลแพทองธารตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช.ขึ้นมาแล้วต้องเร่งระดมสมองทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรับมือมวลน้ำ
ปัญหาภาวะภัยธรรมชาติ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งได้เห็นสภาพมวลน้ำโจมตีจังหวัดทางภาคเหนือกำลังลงมาภาคกลาง แม้ไม่มีพายุมาเติมก็ห้ามประมาท เร่งวางแผนป้องกันเอาไว้ หากเกิดวิกฤติแล้วจะมามัวแก้ปัญหา อาจไม่ทันการ!!.
…………………………………
เชิงผา