ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ทิกเกอร์ อชิระ เทริโอ เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวเบอร์แรกของค่าย G’NEST (จีเนส) เดินตามรอยพ่อแม่ซูเปอร์สตาร์ยุค 90 อย่าง นิโคลเทริโอ และ แมว–จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ส่งซิงเกิลแรก ‘R U OK?’ เพลงรักหักมุมออกมาให้แฟน ๆ ได้ติดตาม คอลัมน์ “ดาวต่างมุม” ไม่พลาด นัดทิกเกอร์มานั่งพูดคุย ถึงเส้นทางการเป็นศิลปิน ที่ต้องผ่านการฝึกฝน การซ้อมอย่างหนัก พร้อมพิสูจน์ว่าไม่ได้ดังข้ามคืนเพราะชื่อเสียงพ่อแม่

 เป็นศิลปินเต็มตัวแล้ว?

“ตื่นเต้นมากเลยครับ แฮปปี้มาก ๆ ผมยังรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง ใจฟูสุด ๆ ยังไม่ค่อยชินกับการเป็นศิลปินเท่าไหร่ แต่คิดว่าเดี๋ยวคงจะค่อย ๆ ชิน และไม่ตื่นเต้นเกินไป (ยิ้ม)”

เดบิวต์สเตจที่ผ่านมา เป็นไวรัลทีเดียว คุณแม่ปลื้มจนร้องไห้?

“ผมรู้สึกแฮปปี้กับสิ่งที่ออกมามาก ๆ ครับ เพราะผมและพี่ ๆ ทีมงานเบื้องหลังทำงานกันหนักมาก เพื่อให้โชว์ออกมาดีที่สุด พออ่านคอมเมนต์และกระแสตอบรับที่ออกมาก็เขินเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าคนจะชอบขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ แล้วการที่มีพ่อแม่อยู่ตรงนั้น ทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้น ผมเลือกร้องเพลง “เปรี้ยวใจ” ของคุณแม่ และ “คนของเธอ” ของคุณพ่อ ไปร้องโชว์บนเวทีด้วย ซึ่งต้องเก็บทุกอย่างเป็นความลับ เพราะผมอยากให้เขาเซอร์ไพรส์มากที่สุด แล้วก็เซอร์ไพรส์จริง ๆ เพราะคุณแม่ร้องไห้เลย (หัวเราะ) ผมคิดว่าเขาคงภูมิใจกับผม”

ฝึกซ้อมนานถึง 3 ปีกว่าจะเดบิวต์?

“ผมเป็นศิลปินฝึกหัดกับ จีเอ็มเอ็มอคาเดมี่ ประมาณ 3 ปี แต่จริง ๆ ผมเริ่มซ้อมดนตรีตั้งแต่ 11 ขวบ ซึ่งยากพอสมควร แต่ว่าคุ้มมาก ๆ ที่ตัดสินใจมาฝึกและพัฒนาตัวเองในทุกด้าน ทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งแร็ป ซึ่งทำให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น จัดตารางเวลาตัวเอง และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีขึ้น เวลาเจองานหรืออุปสรรคก็จะมีสติมากขึ้น”

กดดันไหมในการเป็นลูกของ นิโคล เทริโอ กับ แมว-จิรศักดิ์?

“ตอนเป็นเด็กฝึกช่วงแรก ๆ แอบกดดันนะครับ เพราะคุณพ่อคุณแม่ผมเป็นศิลปินที่โด่งดังมาก ๆ แต่ก็มาคิดได้ว่าจริง ๆ เราไม่ต้องกดดันก็ได้ เก็บสิ่งเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจของเราดีกว่า ผมอยากประสบความสำเร็จแบบคุณพ่อคุณแม่เคยทำ และอยากทำให้เขาภูมิใจ ผมเองเคยไปดูคอนเสิร์ตคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ จนได้มาถึงจุดนี้ ที่ผ่านการฝึกฝนว่าต้องทำยังไงเราถึงจะเป็นศิลปินที่ดี เลยทำให้รู้ว่าการที่ได้เล่นคอนเสิร์ตแบบนั้น หรือได้ส่งพลังงานแบบที่พ่อแม่ผมส่งให้คนดู เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ และเขาเป็นไอดอลของผม”

การเป็นลูกคนดังก็เป็นหลายกระแส เช่น เป็นลูกศิลปินเลยมีทางลัด ทิกเกอร์จะพิสูจน์ให้เห็นยังไงบ้าง?

“จริง ๆ ผมเข้าใจความคิดแบบนี้ เพราะผมได้รับโอกาสดี ๆ หลายอย่าง แต่การที่ผมเข้ามาเป็นเด็กฝึกที่แกรมมี่ผมผ่านการออดิชั่นเข้ามาเอง ต้องเล่นกีตาร์ ร้องเพลงให้ผู้ใหญ่ฟัง ผมกลัวจนมือสั่น เล่นกีตาร์ไม่ค่อยคล่อง มีความขี้อาย แต่ก็อยากจะพิสูจน์ตัวเองมาก ๆ อยากทำออกมาให้ดีที่สุด และผมก็อยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ร้องเพลงให้เก่งขึ้น เต้นให้เก่งขึ้น เพราะนี่เป็นก้าวแรกของการเป็นศิลปิน อยากให้ทุกคนเห็นว่าผมรักมันแค่ไหน”

มีช่วงเวลาท้อบ้างไหม?

“มีบ้างครับ แต่ส่วนใหญ่ผมจะพยายามปรับที่ตัวเอง ประเมินผลของวันนี้ไปก่อน แล้วคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยลุยต่อ แล้วก็หลับ ผมไม่เคยท้อขนาดจนไม่อยากไปต่อ”

ทิกเกอร์เป็นคนมองโลกในแง่บวกมาก แม้จะเจอปัญหา?

“ถ้าตอบแบบซื่อสัตย์กับตัวเองมาก ๆ ผมว่าทุกคนคงมีความคิดไปทางลบ หรือมีความท้อ ผมเองก็มีบ้าง แต่ถ้าเรามองภาพใหญ่ ๆ ถ้าผมต้องอยู่กับความรู้สึกลบตลอด ผมจะใช้ชีวิตแบบไม่คุ้ม ผมเคยมีโมเมนต์หนึ่งที่ตัวเองนั่งร้องไห้เพราะตามเพื่อนไม่ทัน แต่ก็คิดกับตัวเองได้ว่าถ้าเราต้องร้องไห้แบบนี้ มันจะคุ้มไหม ทำไมไม่ออกไปซ้อม แต่เราไม่ได้กดดันตัวเอง แค่รู้สึกว่าเศร้าได้ ไม่แฮปปี้ได้ แต่อย่างน้อยเราต้องเอาพลังงานตรงนี้มาใช้เป็นแรงขับเคลื่อนให้ตัวเองได้ไปต่อ อาจจะดราม่านิดนึง แต่ตรงนี้เป็นแนวคิดของผม ถ้าผมรู้สึกเศร้า ผมก็จะเขียนเพลงเศร้า ๆ ถ้ารู้สึกแฮปปี้ ก็จะทำเพลงที่มีเอนเนอจี้เยอะ ก็เอาอารมณ์ที่มีมาใส่ในเพลง ทุกอย่างจะได้ระบายออก”

ศิลปะอยู่ในสายเลือด?

“ผมเป็นเด็กโชคดีที่ได้ซึมซับศิลปะตลอดเวลา ผมชอบวาดรูป คุณพ่อคุณแม่ก็ชอบเปิดหนังให้ดูตอนอยู่ที่บ้าน เวลาว่างเราจะดูหนังด้วยกัน แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็เป็นศิลปินเหมือนกัน และชอบฟังเพลงด้วย ผมเลยคิดว่าอาจจะเป็นพรหมลิขิต เพราะผมรักมันมาก ๆ ผมชอบที่ศิลปะช่วยสื่อสารความรู้สึก และอารมณ์ ที่สื่อสารด้วยคำพูดไม่ได้ เช่น สีที่เราใช้เวลาวาดรูป หรือ การตีคอร์ดในเพลงที่อาจจะมีไดนามิก มีอารมณ์ ตีแรงๆ ตีเบา ๆ อย่างเวลาเล่นเครื่องดนตรีกับเพื่อน ๆ สนุกมาก เล่นแบบไม่ต้องคิด กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ กับวง แล้วเราทำเพลงดี ๆ ออกมา ทำให้รู้สึกใจฟูมาก ๆ ครับ”

เห็นว่าคุณแม่สอนทิกเกอร์ด้วยว่าวงการบันเทิงมีขึ้นก็มีลง?

“ส่วนใหญ่คุณแม่ก็จะเล่าประสบการณ์ว่าอาจจะเจออุปสรรคแบบนี้บ้าง แล้วก็ได้เจอสิ่งดี ๆ แบบนี้บ้าง ส่วนใหญ่จะไม่ใช่คำสอน แต่จะเป็นการเล่าหรือการแชร์ ว่าเหตุการณ์แบบนี้ผมอาจจะเจอได้ เราอาจจะเจอคนดี ๆ ที่จะอยู่ในชีวิตเราไปนาน ๆ ด้วย หรือหน้างานถ้าต้องเจออะไรที่เปลี่ยนแปลงเราจะแก้ปัญหายังไง มีหลายอย่างที่เราต้องปรับมายด์เซต ผมก็ต้องฟังประสบการณ์ของพ่อแม่ แล้วมาปรับใช้”

นิโคล เทริโอ เป็นคุณแม่ที่ดุไหม?

“ไม่เลยครับ (หัวเราะ) ดุสักทีก็น่าจะดี เพราะว่าไม่ดุเลย ชิลมากครับ”

อยากให้ทิกเกอร์นิยามความเป็นตัวเอง 3 คำ?

“ผมเป็นคนที่ จริงใจ ครับ ไม่งั้นตอนทำงานเราจะไม่ภูมิใจในตัวเอง แคร์คนรอบข้าง แล้วจริง ๆ ผมเป็นคน ขี้เล่นสบาย ๆ และเป็นคนคิดในทางบวก อยากให้ทุกคนยิ้ม ไม่ต้องเกร็งเวลาอยู่ใกล้ ๆ เพราะเราอยากให้ทุกคนสนุก”

สเปกสาว ๆ ของทิกเกอร์?

“ผมไม่ค่อยมีสเปกนะครับ แต่อาจจะดีถ้าเขาเปิดใจกับเสียงเพลงที่ผมชอบ ถ้าผมเปิดเพลงให้แล้วเขาชอบ ก็น่าจะโอเค เป็นภาษารักนิดหนึ่งครับ อย่างปั๊ปปี้เลิฟของผมน่าจะเกิดขึ้นตอน 7 ขวบ แอบชอบแล้วเขาไม่ชอบ ตอนนั้นเรายังไม่รู้เลยครับว่าความรักคืออะไร แต่เราก็มูฟออนภายในวันเดียว (พี่เลี้ยงบอกว่าทิกเกอร์ชอบผู้หญิงผมยาว) จริงเหรอครับ ไม่รู้ตัวเลย ก็ตามนั้นเลย (หัวเราะ)”

เริ่มมีแฟนคลับเป็นของตัวเองแล้ว อยากบอกอะไรไหม?

“ผมได้เห็นพวกเขาวันเดบิวต์ ทำให้เราเกือบร้องไห้เลยครับ เพราะการที่มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ หรือใครก็ได้ เดินทางมาซัพพอร์ตผมในงานแต่ละงาน ก็ต้องขอบคุณมาก ๆ ที่พวกเขาสนับสนุนในทุกงานที่ผมทำ ดีใจมาก ๆ ครับ”.

นฤมล แซ่แต้ : เรื่อง / ภาพ : จุมพล นพทิพย์