เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข จะนำเสนอสัญญาจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ไฟเซอร์ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครม. ก่อนทำสัญญา ว่า ยังไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในวาระ แต่ทราบจากข่าวว่าเป็นอย่างนั้น ทั้งนี้ ถ้าเรื่องนี้เข้าหารือในครม.จริง จะได้พิจารณา สำหรับสาเหตุที่ต้องนำเข้าที่ประชุมครม. เพราะต้องขอเงินจากรัฐบาล แต่ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อวัคซีนทุกครั้งต้องมาขอ เพราะหากกรณีเอกชนจ่ายเงินเองโดยรัฐบาลเป็นผู้ประสานงานการจัดซื้อให้ ไม่ต้องนำเข้าครม.
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า การซื้อวัคซีนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับการซื้อของทั่วไป เพราะอำนาจอยู่ที่ฝ่ายผู้ผลิตหรือผู้ขาย ทั้งนี้ จากการที่ตนได้มีโอกาสดูสัญญาบางฉบับที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาให้ตรวจดู ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะฝ่ายผู้ขายหรือผู้ผลิตบอกว่าถ้าไม่เซ็นสัญญา ก็ไม่ต้องซื้อของจากเขา และมีเงื่อนไขว่าจะไม่รับผิดชอบ ถ้าส่งล่าช้า รวมถึงไม่รับผิดชอบความเสียหายใดๆ บางยี่ห้อบอกไม่คืนเงิน และเราไปคิดค่าปรับ ยึดทรัพย์ หรือฟ้องร้องอะไรไม่ได้ และที่สำคัญคือระบุว่าห้ามเปิดเผยสัญญา เนื่องจากการขายให้แต่ละประเทศเขียนสัญญาไม่เหมือนกัน มีทั้งแบบเอื้ออารี และเข้มงวด ถ้าใครเอาไปเปิดเผย เขาจะขายให้ครั้งเดียวแล้วไม่ขายให้อีกเลย ซึ่งจะเห็นว่าที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลจะไม่พูดเรื่องสัญญาการซื้อวัคซีนเลย ตนยืนยันว่ารัฐไม่ได้โกหกหรือหลอกลวง แต่ในบางเรื่องพูดไม่ได้ ทำให้บางคนที่พยายามพูดให้ดูดี จนกลายเป็นทำให้รัฐถูกมองว่าพูดกลับไปกลับมา
นายวิษณุ กล่าวว่า ทั้งนี้ การจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อโมเดอร์นาไม่ได้เป็นวัคซีนหลักที่รัฐประกาศ โดยคำว่าวัคซีนหลักคือรัฐบาลจัดหาให้และฉีดประชาชนฟรี ซึ่งมีอยู่ 5 ห้อ คือ ซิโนแวค, แอสตราเซเนกา, สปุตนิก วี, ไฟเซอร์ และจอห์นสัน แอนด์จอห์นมัน ส่วนซิโนฟาร์ม ที่จัดหาโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็ไม่ใช่วัดซีนหลักเช่นกัน เพราะราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย