จากกรณีที่กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสืบสวนสำนวนสืบสวนที่ 178/2567 กรณี การประกอบธุรกิจของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือคดีความผิดฐานอื่นที่เป็นคดีพิเศษที่จะต้องดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 รวมถึงยังได้มีการเปิดปฏิบัติการเดินหน้าอายัดทรัพย์สินที่เชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิด อาทิ ที่ดินเปล่า 3 แปลง 68 ไร่เศษ ติดถนนทางหลวงหมายเลข 9 ตรงข้ามคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มูลค่าซื้อขายหลายร้อยล้านบาท หลังสืบสวนทราบว่าผู้บริหารบริษัทฯ เตรียมพัฒนาพื้นที่สำหรับขยายกิจการ
นอกจากนี้ ยังได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้น 2 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ บริษัทรับฝากข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และที่ทำการโปรแกรมเมอร์เว็บไซต์ดิไอคอนฯ ถนนประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้นทั้งสองจุดพบเอกสารสำคัญ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เก็บข้อมูลรวม 26 รายการ สามารถทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระบบของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด เบื้องต้นอาจรวมถึงรายชื่อของสมาชิกของบริษัทฯ กว่า 300,000 รายชื่อ ก่อนส่งมอบวัตถุพยานให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจวิเคราะห์และออกรายงานผลการวิเคราะห์ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ต.ค. “ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ว่า สำหรับการดำเนินการอายัดที่ดิน 3 แปลง 68 ไร่เศษของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการตรวจสอบการได้มาจากการซื้อขายว่าเป็นการซื้อโดยใช้เงินสดหรือคริปโทเคอร์เรนซี (USDT) ซึ่งกระบวนการตรวจสอบนั้น เดิมทีหลักการซื้อขายที่ดินจะเป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ดีเอสไอก็จะดูในส่วนของหนังสือสัญญาที่ดินว่ามีการระบุราคาอย่างไร และรายละเอียดอื่น ๆ อย่างไรบ้าง จึงเป็นเหตุให้ดีเอสไอจะต้องมีหนังสือเชิญตัวแทนของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ในนามนิติบุคคลเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงของการได้ทรัพย์ ภายในระยะเวลา 7 วัน ส่วนกรณีของผู้ขายที่ดินแห่งนี้ให้กับบริษัทฯ ณ ตอนนี้ยังไม่พบความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอื่นนอกเหนือจากการเป็นผู้ซื้อผู้ขายกัน แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ทันที จึงขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพยานเอกสารทั้งหมดเพื่อความถูกต้อง ทั้งนี้หากพบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ดีเอสไอก็จะต้องแจ้งไปยังตำรวจ และ ปปง. รับทราบ
พิสูจน์ล่าเทวดา! คนขับรถโผล่มอบโทรศัพท์ ‘บอสพอล’ อีกเครื่องให้ตำรวจไขปริศนา
ส่วนความคืบหน้ากรณีการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้ง 2 จุดเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า กรณีจุดที่ 1 บริษัทรับฝากข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ที่ตนได้นำทีมเข้าตรวจค้น พบว่าเป็นสถานที่ให้เช่าพื้นที่เพื่อรับฝากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด หรือเรียกว่าที่เก็บข้อมูล ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่นิติวิทย์ จึงได้ทำการสำรองข้อมูล (Backup) และขอให้ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ช่วยตรวจพิสูจน์เนื่องจากเป็นหลักฐานทางดิจิทัล และอยู่ระหว่างรอให้นิติวิทย์ทำการถอดข้อมูลเพื่อจัดเรียงไฟล์ให้อยู่ในรูปแบบที่พนักงานสอบสวนสามารถเข้าใจได้ เพราะดั้งเดิมที่สำรองข้อมูลออกมาได้มันเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ มีนามสกุลไฟล์หลายประเภท จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการตรวจพิสูจน์ โดยเจ้าหน้าที่นิติวิทย์ อย่างไรก็ตาม ตนมีการคาดการณ์ไว้ว่าหากผู้เชี่ยวชาญนิติวิทย์ ได้ทำการแปลงสกุลไฟล์เสร็จเรียบร้อย จะช่วยทำให้เห็นข้อมูลภายในแผนธุรกิจของบริษัทได้มากขึ้น เพราะการสำรองข้อมูลดังกล่าวทราบว่ามีขนาดไฟล์ใหญ่พอสมควร
พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า ส่วนจุดตรวจค้นที่ 2 ของ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่าเป็นสถานที่ทำงานหรือบ้านของโปรแกรมเมอร์ให้กับเว็บไซต์ของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด โดยการเข้าไปตรวจคนดังกล่าวไม่เจอคนอยู่ภายในสถานที่ทำงาน แต่จากการตรวจค้นได้มีการยึดอุปกรณ์ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวบันทึกข้อมูลอย่างฮาร์ดไดร์ฟ และพยานเอกสารอื่น ๆ ซึ่งได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่นิติวิทย์ดำเนินการตรวจสอบพิสูจน์เช่นเดียวกัน เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดล้วนเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีนามสกุลไฟล์หลายประเภท จึงต้องรอให้ทางผู้เชี่ยวชาญนิติวิทย์ ดำเนินการตรวจสอบก่อนส่งรายงานข้อมูลให้กับดีเอสไอนำไปใช้ขยายผล
เมื่อถามว่าในการรวบรวมพยานหลักฐานของดีเอสไอมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่ากรณีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และบรรดาบอส จะเข้าสู่กระบวนการคดีของดีเอสไอในเรื่องการฟอกเงินทางอาญา พ.ต.ต.วรณัน แจงว่า มีความเป็นไปได้เนื่องจากทางตำรวจ บก.ปคบ. มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อ 18 บอสในฐานความผิด ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งเป็นมูลฐานการฟอกเงิน ทำให้ ปปง. จึงเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สิน ขณะที่ดีเอสไอเองก็มีอำนาจในการสืบสวนทางอาญาในเรื่องของแชร์ลูกโซ่ และการฟอกเงิน
พ.ต.ต.วรณัน ปิดท้ายว่า เมื่อดีเอสไอได้มีการดำเนินการสืบสวนขยายผลแล้ว หากพบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอื่นเพิ่มเติม ก็อาจจะมีการเปิดปฏิบัติการตรวจค้น (Operation) หรืออายัดทรัพย์สินที่เชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิดได้ แต่อย่างไรแล้วหลักการทำงานของดีเอสไอ ข้อมูลทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ก็จะมีการส่งต่อและสนับสนุนกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ ปปง.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันจันทร์ที่ 21 ต.ค. เวลา 10.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เตรียมเดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีฟอกเงินกับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช กรณีที่มีคลิปเสียงปรากฏเรียกรับเงินจากบอสพอล ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ณ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ.
ขอบคุณภาพจากรายการ “โหนกระแส”