ทั้งนี้ เมื่อพูดถึง ขั้วทางการเมือง ในประเทศไทย…ก็ย่อมจะมีนัยหมายถึง การขัดแย้ง-การเกิดความรุนแรง…จากการแบ่งขั้วทางการเมือง ที่ในไทยเกิดขึ้นมายาวนาน ทั้งในส่วนของนักการเมืองและประชาชน ซึ่งจากนี้ไป ขั้วจะสลาย…หรือไม่??-อย่างไร??” เอาเข้าจริงยังคงต้องรอดูกันต่อไป…

รอดูว่า…หรือนี่เป็น “1 ใน 3 แพร่ง”…

“3 แพร่ง ที่เคยมีการพูดถึงกันมาก…

จะเป็น 1 ใน 3 แพร่งที่ ไร้รุนแรง???”

ทั้งนี้ กับ“3 แพร่ง ที่ว่านี้…ในที่นี้หมายถึง “3 เส้นทาง ที่มีการระบุไว้ในบทวิเคราะห์ชื่อ ความขัดแย้ง-สมานฉันท์-บทวิเคราะห์หนทางปฏิบัติในการยุติความขัดแย้งของสังคม ที่เคยมีการเผยแพร่นำเสนอสู่สาธารณะไว้ทางเว็บไซต์เชิงวิชาการด้านความมั่นคงเว็บไซต์หนึ่ง ช่วงต้นปี 2553 โดยทีมสกู๊ปเดลินิวส์ก็เคยสะท้อนต่อไว้ตั้งแต่ในช่วงที่ในเมืองไทยยังไม่เกิดสถานการณ์ ความสูญเสีย-ความเสียหาย…ของประเทศและประชาชน อันสืบเนื่องจากเรื่องทางการเมือง จากความขัดแย้ง-ความรุนแรง…ที่เกิดจากการแบ่งขั้วทางการเมือง …ซึ่งวันนี้ลองมา ย้อนดู 3 แพร่ง ที่ว่านี้กันโดยสังเขป

ย้อนไปในตอนที่มีบทวิเคราะห์เชิงวิชาการด้านความมั่นคงชิ้นนี้เผยแพร่ออกมา ในเมืองไทยตอนนั้นมีการเห็นต่างทางการเมืองชัดเจน และที่สำคัญคือมีการแบ่งกลุ่มคนเป็นฝั่งเป็นฝ่ายเป็นขั้วกันอื้ออึง ท่ามกลางสถานการณ์อันล่อแหลมยิ่ง ซึ่งบทวิเคราะห์ชิ้นนี้ได้สะท้อนไว้ว่า… การจะ คลี่คลายสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับ การมีปฏิสัมพันธ์ และ/หรือ การคานกัน ของพลังในฝั่งฝ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังส่วนที่อาจนำสู่ความรุนแรง และพลังส่วนที่เป็นไปในแนวทางสันติ

จากการที่ พลังทั้ง 2 ส่วนดังกล่าวนี้มีอยู่ทั่วไปในไทย มีอยู่ในกลุ่มคนทุกฝั่งฝ่าย ทั้งในภาคการเมืองและในภาคประชาชน บทวิเคราะห์ “ความขัดแย้ง–สมานฉันท์–บทวิเคราะห์หนทางปฏิบัติในการยุติความขัดแย้งของสังคม” ก็ได้มีการระบุไว้ว่า… เส้นทางอันเนื่องจากการขัดแย้งทางการเมืองนั้น อาจจะเป็นไปได้ใน 3 แพร่งหลัก ๆ กล่าวคือ…

1.เส้นทางที่เป็น แพร่งความรุนแรง

สำหรับเส้นทาง แพร่งแห่งความรุนแรง นี้ ผลจะเป็นเช่นไร??…ก็คงรู้ ๆ กันดี ซึ่งในบทวิเคราะห์ที่มีออกมาช่วงต้นปี 2553 ก่อนมีรัฐประหาร 2557 กว่า 4 ปี ได้ระบุไว้ว่า… แพร่งนี้จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมไทยในทางลบ โดย จะเกิดขึ้นเมื่อ…พลังในส่วนที่อาจนำสู่ความรุนแรงมีสถานะครอบงำความคิดผู้คนจำนวนมาก ซึ่งสถานการณ์นี้ไม่ว่าจะเป็นไปในฝั่งฝ่ายใดก็อาจดึงให้พลังลักษณะเดียวกันในฝั่งฝ่ายอื่นออกมาตอบโต้ และจะนำสู่การ ใช้ความรุนแรง มีการ ปะทะกันระหว่างกลุ่มคน หรืออาจทำให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่งถ้าหากเกิดสถานการณ์อย่างหลัง…แล้วก็ทำให้เกิดความรุนแรงเคลื่อนไหวตอบโต้ถ้าหากว่าเป็นเช่นที่ว่านี้ล่ะก็…จะยิ่งเป็นการ ดึงทั้งสังคมลงสู่เกลียวหมุนเชิงลบแห่งความรุนแรง

2.เส้นทาง แพร่งรัฐบาลแห่งชาติ

เส้นทาง แพร่งรัฐบาลแห่งชาติ นี้ ในตอนนั้นในสังคมไทยก็ โยนหินถามทางกันเนือง ๆ ซึ่งบทวิเคราะห์ระบุไว้ว่า… แพร่งนี้ จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ…ทั้งพลังในส่วนที่อาจนำสู่ความรุนแรง และพลังในส่วนที่เป็นไปในทางสันติ ต่างก็มีแนวคิดเรื่องการปฏิรูปเป็นสำคัญกันจริง ๆ โดยที่แต่ละฝั่งฝ่ายต่างก็ไม่อยู่ในฐานะที่มีอิทธิพลครอบงำการตัดสินใจได้ และไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่จะทำให้สุ่มเสี่ยงเกิดความสูญเสีย-ความเสียหาย โดยหากแพร่งนี้เกิดขึ้นได้…ก็ จะนำสู่การประนีประนอมชั่วคราว ได้ ซึ่งถ้าต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีการดำเนินการที่สุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการสูญเสีย ไม่มีการรวมกำลังขยายการกดดัน แม้ว่าแพร่งนี้ต่อให้เป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ ก็ไม่เสถียร แต่อย่างน้อย ๆ ก็จะเกิดการ คลี่คลายปัญหาได้ชั่วคราว

3.เส้นทาง แพร่งสมานฉันท์

กับเส้นทาง แพร่งแห่งความสมานฉันท์นี้ ในบทวิเคราะห์ข้างต้นระบุไว้ว่า… จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ…พลังในส่วนที่เป็นไปในแนวทางสันติในทุกฝั่งฝ่ายสามารถอยู่ในฐานะที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ซึ่งแม้จะเกิดยาก แต่ถ้า พลังส่วนสันติของคู่ขัดแย้งเปิดการเจรจาหาแนวทางร่วมกัน ได้ โดยที่ ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวมมากกว่าของแกนนำแต่ละฝั่งฝ่าย ไม่มองด้านเสียแต่ละฝ่ายกันมากเกินไป ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวางตัวเป็นกลาง หากเป็นเช่นนี้แพร่งนี้ก็จะเกิดขึ้นได้ และเบื้องต้น จะคลี่คลายความขัดแย้งที่มีเฉพาะหน้าแล้วถ้ามีการเจรจาต่อเนื่องที่เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มีการร่วมมือกันฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ก็อาจ นำสู่การปฏิรูปสังคมในทางที่ดีอย่างทั่วทุกด้าน ได้ 

ทั้งนี้ นี่คือโดยสังเขป…“3 แพร่ง-3 เส้นทางแยก ที่เกิดได้ บนเส้นทางหลักของการเมืองที่ขัดแย้งแบ่งฝ่าย…โดยที่แต่ละฝ่ายก็ล้วนมีทั้งพลังความรุนแรง-พลังความสันติซึ่งจากปี 2553 ที่สุดแล้วแพร่งใดเกิดขึ้น??…ก็ดังที่ทราบ ๆ กัน อย่างไรก็ตาม มาถึงปัจจุบันที่การเมืองไทยมีคำว่า รัฐบาลสลายขั้ว แม้ตอนนี้ยังเป็นแค่ รัฐบาลผสมขั้ว แต่ก็น่าคิด…

พินิจ เทียบเคียง 3 แพร่ง ดังกล่าว…

วันนี้ มีแววเป็นไปในแพร่งใด???”

จะ ปิดทางรุนแรงได้หรือไม่???”.