เมื่อวันที่ 22 เม.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงเขตหนองแขม
เริ่มตั้งแต่ตลาดหน้าวัดหนองแขมเพชรเกษม 81 จากนั้นขึ้นรถ EV หาเสียง บริเวณหน้าทางเข้า รร.มัธยมวัดหนองแขม มุ่งหน้าหมู่บ้านพงษ์ศิริชัย 4 ก่อนจบภารกิจหาเสียงช่วงเช้า โดยช่วงเย็นนายชัชชาติ มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงบริเวณตลาดอมรพันธ์ เขตจตุจักร ตลาดเคหะท่าทราย และชุมชนซอยชินเขต เขตหลักสี่

นายชัชชาติ กล่าวว่า ตลาดหน้าวัดหนองแขม ถือเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ประชาชนมาจับจ่ายซื้อของทุกวัน ขณะที่ค่าเช่าพื้นที่ค้าขายก็ไม่แพงมาก ที่น่าสนใจคือชุมชนวัดหนองแขมที่อยู่ใกล้กับตลาด เป็นชุมชนขนาด 100 กว่าหลังคาเรือน มีการบริหารจัดการที่ดีมาก มีการคัดแยกขยะ นำขยะไปรีไซเคิลทำเป็นกระเป๋า ทำปุ๋ยหมักสร้างกิจกรรมให้ผู้อายุ เป็นรูปแบบที่น่าสนใจมากที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง มีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ดังนั้น กทม.ต้องพยายามสร้างชุมชนแบบนี้ให้มากขึ้น ทั้งนี้ ระหว่างลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ได้สะท้อนความต้องการอยากให้มีการเดินเรือในคลองภาษีเจริญต่อ รวมถึงพัฒนาพื้นที่หนองแขมเป็นแหล่งท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้คลองภาษีเจริญ มีการเดินเรือมาถึงพื้นที่ชุมชนวัดหนองแขม

เมื่อถามว่า เหลือเวลาอีก 1 เดือนสำหรับการลงพื้นที่หาเสียง ยังมีพื้นที่ไหนที่ยังไม่ได้ลงพื้นที่ หรือมีการประเมินพื้นที่ที่ยังเข้าไม่ถึงหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ภายใน2สัปดาห์นี้อยากลงพื้นที่ชายขอบ อาทิ หนองแขม มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง ส่วนช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้งคงเป็นเรื่องการดีเบตตามรายการต่างๆ

นอกจากนี้อาจต้องพัฒนากลยุทธ์ด้านการสื่อสารให้มากขึ้น อย่างผลโพลบางสำนักออกมาระบุว่า ตนอยู่อันดับสุดท้ายเป็นเรื่องที่เราวางใจโพลไม่ได้ และไม่ประมาท เพราะมีหลายกลุ่มเชื่อว่ายังมีกลุ่มที่เรายังสื่อสารไม่ถึงอีกมาก ทั้งนี้ ผลโพลไม่แน่นอนพลิกได้ตลอด แต่อยากกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด จะเลือกใครไม่เป็นไร ขอให้มาใช้สิทธิลงคะแนน เพื่อให้ได้คะแนนเสียงที่มาจากประชาชนโดยแท้จริง

นายชัชชาติ กล่าวว่า ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าบัตรเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สีน้ำตาล และบัตรเลือกตั้ง ส.ก. เป็นสีชมพู ในส่วนนี้จำเป็นต้องมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพื่อป้องกันความสับสน และต้องระวังเรื่องขบวนการทำลายชื่อเสียง เห็นได้จากการปล่อยข่าว Fake News ไม่ใช่แค่ตนที่โดน หลายๆ คนก็โดน ขอฝากประชาชนว่าการส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จมีผลต่อคะแนนเสียงเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ถ้าได้ข้อมูลมาไม่แน่ใจอย่าส่งต่อ สมัยนี้ข้อมูลไปเร็ว หลายเรื่องมีจุดประสงค์ทางการเมืองที่พยายามดิสเครดิต แต่เราต้องหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจด้วย.