เมื่อวันที่ 24 ก.ค. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ยกฟ้อง ในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 51 ขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่า ที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดำเนินการรื้อถอน 4 สิ่งล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อยออกให้พ้นจากแม่น้ำภายใน 30 วัน ว่า ตนขอแนะนำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ งดประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ในช่วงนี้ เพราะควรเอาเวลาไปทำตามคำสั่งศาล ก่อนที่จะมานั่งตรวจสอบคนอื่น แต่หากว่าขาดแคลนอุปกรณ์ในการรื้อถอนก็บอกตนมาได้ เพราะตนพร้อมที่จะไปช่วยเหลือ
นายสิระ กล่าวต่อว่า กว่า 10 ปีที่คดีนี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย แต่วันนี้พอศาลตัดสินทำให้สังคมและคนทั้งประเทศได้รู้ว่า ผู้ฟ้องได้ถมที่ล้ำแม่น้ำ ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า ผู้ฟ้องเคยเป็นผู้รักษากฎหมาย และรู้กฎหมายเป็นอย่างดี แต่ทำไมเรื่องนี้ถึงไม่รู้ ทั้งนี้หากมีผู้ใดร้องเรียนเกี่ยวกับคดีนี้มาที่ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ตนก็พร้อมที่จะนำเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณา และจะได้เชิญ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะผู้ฟ้อง และผู้ถูกฟ้องทุกคนที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป และถ้าสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ตนก็จะไปล่องเรือดูพื้นที่จริงให้เห็นกับตา
“ถ้ากรมเจ้าท่ายังไม่บังคับให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยภายใน 30 วัน ก็ถือว่ามีความผิดเข้าข่ายปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ออกมาเช่นนี้ ท่านเสรีพิศุทธ์ ยังมีความเหมาะสมในการตรวจสอบผู้อื่นในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.อีกหรือไม่ ขอให้สังคมช่วยกันพิจารณาด้วย” นายสิระ กล่าว