เมื่อวันที่ 17 ต.ค.67 ที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ วิสามัญกิจการวุฒิสภา  (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ทั้ง 14 คน ว่า วันนี้ได้มีการประชุมวิปวุฒิสภา และได้มีมติว่าในประประชุมวุฒิสภาในวันที่ 21 ต.ค. นี้จะนำเรื่องร่างพ.ร.บ.ประชามติเข้าที่ประชุม   ส่วนรายชื่อว่าใครจะไปเป็นกรรมาธิการร่วมบ้างต้อรอที่ประชุมวุฒิสภาในวันดังกล่าว ถึงจะสามารถประกาศได้ว่า  สว.ทั้ง 14 คน มีใครบ้าง

เมื่อถามว่า ทางวุฒิสภา ยังยืนยันเนื้อหาตามที่แก้ไขที่ใช้เสียงข้างมากแบบสองชั้น นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวยังยืนยันว่าเราจะใช้แบบดังกล่าวในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนการทำประชามติเรื่องอื่นก็จะใช้แบบธรรมดา

เมื่อถามย้ำว่าหากแต่ละสภายังยืนยันเนื้อหาของตัวเองจะทำให้กระบวนการล่าช้าหรือไม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถใช้ พ.ร.บ.ประชามติปี 2564 ดังนั้น อย่าใช้เป็นข้ออ้างว่าหากการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติล่าช้าจะทำให้แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ ส่วนการที่จะแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติหรือไม่ แก้ไขอย่างไร เมื่อเข้าที่ประชุมร่วมกันแล้ว และได้ข้อตกลงอย่างไรก็จะแยกออกมาเป็นคนละสภา เพื่อที่จะโหวตกันอีกครั้งว่าแต่ละสภาเห็นชอบอย่างไร  หากสภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นชอบก็จะถูกพักไว้ 180 วัน จากนั้นสภาผู้แทนราษฎร จึงจะสามารถประกาศใช้ได้

เมื่อถามถึง กรณีที่มีการมองว่าเกมที่วุฒิสภาเดินมีการยื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลมีการจริงใจและเจตนาที่ดีต่อประชาชนจริง จึงไม่ได้ต้องการพิจารณาร่วมของ กมธ.ประชามตินี้ก็ได้ เพราะสามารถใช้พ.ร.บ.ประชามติเดิมได้  เพราะจากที่ตนทราบการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือนก.พ.68 ตนเชื่อว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเกินครึ่งหนึ่งแน่นอน เพราะฉะนั้น คำว่าเสียงข้างมากแบบสองชั้นไม่น่าจะมีผลอะไร ถ้าจะเอาไทม์ไลน์เดิมของรัฐบาลในการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือน ก.พ.