สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ว่า นายมิเชล บาร์นิเยร์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส กล่าวหลังได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าภารกิจสำคัญนับจากนี้ แน่นอนคือการเร่งแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และยืนยันว่า ตัวเองไม่มีความเกี่ยวข้องในทางใดก็ตาม กับพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (อาร์เอ็น) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของนางมารีน เลอ แปน และนายจอร์แดน บาร์เดลลา


แม้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อนกำหนด เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า พรรคอาร์เอ็นได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับ 3 รองจากพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายในนาม “แนวร่วมประชานิยมใหม่” (เอ็นเอฟพี) และพันธมิตรสายกลางนำโดยพรรคเรเนสซองส์ ของมาครง แต่หากนับเฉพาะการเป็นพรรคการเมืองเดี่ยว ถือว่า พรรคอาร์เอ็นได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด

FRANCE 24 English


ตามรัฐธรรมนูญของฝรั่งเศส ประธานาธิบดีมีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเฟ้นหาผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งการแต่งตั้งบาร์นิเยร์เกิดขึ้น หลังฝรั่งเศสต้องเผชิญกับภาวะชะงักงันทางการเมืองยาวนานร่วม 2 เดือน เนื่องจากมาครงต้อง “หาทางออก” จากการเดิมพันทางการเมืองของตัวเอง ด้วยการยุบสภา แต่กลับกลายเป็นว่า แนวร่วมฝ่ายซ้ายชนะการเลือกตั้งแทน

FRANCE 24 English


อนึ่ง บาร์นิเยร์ วัย 73 ปี ซึ่งเป็นอดีต รมว.การต่างประเทศฝรั่งเศส และเคยทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนของสหภาพยุโรป (อียู) ในการเจรจาเบร็กซิตกับสหราชอาณาจักร ระหว่างปี 2559-2562 ถือเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งรับตำแหน่งขณะมีอายุมากที่สุด ในประวัติศาสตร์การเมืองของฝรั่งเศส

ด้าน เลอ แปน ยืนยันว่า พรรคอาร์เอ็นไม่ร่วมรัฐบาล ขณะที่บาร์เดลลากล่าวว่า ทุกฝ่ายจะตัดสินบาร์นิเยร์ “จากผลงาน” และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก


ส่วนนายฌ็อง-ลุก เมล็องชง แกนนำคนสำคัญของเอ็นเอฟพี ประณามการแต่งตั้งบาร์นิเยร์ ซึ่งมีแนวคิดการเมืองฝ่ายขวา “เป็นการไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชนอย่างร้ายแรง” และเรียกรัฐบาลชุดใหม่ว่า “พันธมิตรมาครง-เลอ แปน”.

เครดิตภาพ : AFP