ก่อนหน้านี้เคยมีการคาดเดามานานแล้วว่าอาจมีห้องใต้ดินอยู่ใต้โบราณสถานที่มีชื่อเรียกว่า Khaznah หรือ The Treasury ในนครเปตราซึ่งเป็นเมืองโบราณอันโด่งดังของประเทศจอร์แดน และตอนนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นความจริง
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมนักโบราณคดีได้ค้นพบหลุมศพที่มีโครงกระดูกมนุษย์อย่างน้อย 12 โครง พร้อมทั้งโบราณวัตถุ ซึ่งคาดว่ามีอายุอย่างน้อย 2,000 ปี
อนุสรณ์สถานอันวิจิตรงดงามซึ่งเป็นอาคารแกะสลักบนหน้าผาหินทรายสีชมพูนี้เคยปรากฏในภาพยนตร์หลายเรื่อง แต่โด่งดังที่สุดเมื่อกลายเป็นฉากที่ซ่อน “จอกศักดิ์สิทธิ์” ในภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Last Crusade ในปี 2532
ในปี 2546 ทีมนักโบราณคดีซึ่งนำโดย ดร. เพียร์ซ พอล ครีสแมน พบหลุมศพ 2 หลุมด้านล่างซ้ายของอนุสรณ์สถาน ทำให้เกิดทฤษฎีว่าที่นี่อาจไม่ได้มีเพียงหลุมศพเหล่านี้เท่านั้น
ดร. ครีสแมนซึ่งเป็นผู้อำนวยการบริหารของศูนย์วิจัยอเมริกันและทีมงานของเขาใช้เทคนิคการสำรวจระยะไกลที่เรียกว่าเรดาร์ตรวจจับใต้พื้นดิน ซึ่งอาศัยคลื่นสัญญาณในการตรวจจับวัตถุที่อยู่ใต้ผิวดิน เพื่อดูลักษณะทางกายภาพทางด้านซ้ายของอนุสรณ์สถาน ซึ่งเป็นจุดที่พบหลุมศพสองหลุมแรก ว่าตรงกับลักษณะทางกายภาพทางด้านขวาหรือไม่
ผลกรากฏว่า พวกเขาพบความคล้ายคลึงกันอย่างมากระหว่างทั้งสองฝั่ง จึงกลายเป็นหลักฐานที่หนักแน่นพอที่จะขออนุญาตจากรัฐบาลจอร์แดนเพื่อทำการขุดค้นและสำรวจ พวกเขาลงมือขุดค้นโดยมีทีมงานและ จอช เกตส์ พิธีกรของรายการ Expedition Unknown ของช่องดิสคัฟเวอรีร่วมสังเกตการณ์และบันทึกภาพด้วย
ทีมของดร. ครีสแมนค้นพบหลุมศพแห่งใหม่ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดไม่ใช่ตัวสุสาน หากเป็นสิ่งที่ยังคงอยู่ข้างใน ทั้งที่ปกติแล้วสุสานโบราณมักจะว่างเปล่าหรือโดนรื้อค้นไปก่อนแล้ว แต่สุสานแห่งนี้ยังคงมีทั้งโครงกระดูกของผู้วายชนม์และข้าวของต่าง ๆ บรรจุอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ทำจากสำริด เหล็กและเซรามิก
ทีมนักโบราณคดีกล่าวว่านี่อาจเป็นการค้นพบโครงกระดูกจำนวนมากที่สุดในสุสานแห่งเดียวกันเท่าที่เคยมีการขุดค้นในเพตรา เมื่อ 2 ทศวรรษก่อนก็เคยมีการขุดค้นสุสานโบราณแห่งอื่นโดยทีมงานจากกรมโบราณคดีของจอร์แดน แต่ก็พบเพียงโครงกระดูกบางส่วนเท่านั้น
นอกเหนือจากโครงกระดูกแล้ว ยังพบสิ่งของเครื่องใช้หลายชิ้น ส่วนใหญ่เป็นภาชนะ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังคงโครงกระดูกร่างหนึ่งอยู่ในท่าที่กำลังถือถ้วยเซรามิกซึ่งทำเลียนแบบ “จอกศักดิ์สัทธิ์” ที่พระเยซูทรงใช้ในตำนานเรื่องพระกายาหารมื้อสุดท้าย
แม้ว่าซากโครงกระดูกจะยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ก็เปราะบางกว่าที่คาดไว้ โดยพบว่าบางส่วนมีเชื้อราเกาะ ซึ่งอาจเกิดจากความชื้นและน้ำท่วมตามฤดูกาล อีกทั้งหินทรายที่ล้อมรอบหลุมศพนั้นมีลักษณะเป็นรูพรุนซึ่งกักเก็บความชื้นไว้
สุสานที่มีสภาพสมบูรณ์ ไร้การแตะต้องเช่นนี้ ช่วยให้นักโบราณคดีรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชาวนาบาเตียน ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนอาหรับโบราณระหว่างที่อาณาจักรทะเลทรายเจริญรุ่งเรืองในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลจนถึงปีค.ศ. 106
“เราหวังว่าจะพบสิ่งที่อาจบอกเราเกี่ยวกับผู้คนและเมืองโบราณแห่งนี้ได้มากขึ้น และซากโครงกระดูกก็อาจเป็นสิ่งที่มีค่ามากในเรื่องนี้” ดร. ครีาแมนกล่าว “การฝังศพในสุสานแห่งนี้มีลักษณะเป็นส่วน ๆ จึงไม่มีการรื้อค้นหรือเคลื่อนย้ายกระดูก ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่หายากมาก”
“พวกเขาต้องเป็นบุคคลสำคัญมาก เพราะสถานที่ฝังศพนี้เป็นพื้นที่ชั้นดี ถือเป็นทางเข้าหลักสู่เมืองจริงๆ” เกตส์กล่าวเสริม “ผมคิดว่าการได้เรียนรู้ว่าพวกเขาเป็นใครจะช่วยไขความลับบางส่วนในเรื่องราวของ The Treasury ได้”
ที่มา : nypost.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, Discovery’s Expedition Unknown