ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า การพาองค์กรไปสู่เป้าหมายเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน ผู้นำจำเป็นต้องบริหารสุขภาพจิตและสุขภาพกายให้พร้อม การให้เวลากับตัวเองในการคิดทบทวนสิ่งต่าง ๆ ก่อนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ในการทำงาน ทำให้เราสามารถวางแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีสติและรอบคอบ เมื่อเราพร้อม เราก็จะสามารถส่งพลังงานที่ดีให้กับทุกคนในองค์กร เพราะเมื่อทุกคนในองค์กรได้รับพลังงานที่ดีก็จะเป็นเหมือนกระจกที่จะสะท้อนพลังงานที่ดีกลับมาให้เราด้วยเช่นกัน การเข้าใจและพร้อมให้การช่วยเหลือกันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น นอกจากนี้ การสร้างจิตสำนึกให้พนักงานคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการทำงานร่วมกัน เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างยั่งยืน
การเป็นผู้นำที่สร้างองค์กรแห่งความสุขได้นั้น ต้องรู้ให้รอบ รู้ให้ลึก รู้ทุกมุมขององค์กร และที่สำคัญต้องรู้และเข้าใจข้อจำกัดของแต่ละฝ่ายงาน เพราะจะทำให้สามารถนำทุกจุดแข็งของแต่ละส่วนมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และปิดทุกจุดอ่อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งช่วยลดความขัดแย้งของแต่ละฝ่ายงาน ผู้นำที่ดีต้องเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ด้วยการเพิ่มโอกาสในการหมุนเวียนไปยังฝ่ายงานต่าง ๆ หรือข้ามส่วนงาน (Job Rotation) เพื่อให้รู้ขอบเขตงาน จุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละฝ่ายงาน ซึ่งสามารถนำประสบการณ์ดังกล่าวมาบูรณาการปรับใช้ได้ การขยายขอบเขตงานที่รับผิดชอบให้กว้างขึ้น (Job Enlargement) การเพิ่มความท้าทายในงานและกระตุ้นให้พนักงานต้อง Upskill, Reskill หรือเพิ่ม New Skill ใหม่ ๆ ด้วยการเพิ่มเติมความรู้ด้านธุรกิจสีเขียว อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Future Industry) ตลอดจนทักษะด้านเทคโนโลยีซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งในการเตรียมความพร้อมให้กับพนักงาน
ดร.รักษ์ กล่าวว่า EXIM BANK เปลี่ยนองค์กรเป็นบ้านแสนสุขผ่าน 2 Zone ความสุขที่ยั่งยืน ซึ่งในการทำงานของพนักงานทุกคนย่อมต้องการความมั่นคงทั้งหน้าที่การงานและการเงิน เพื่อเป็นหลักประกันในการดูแลตนเองและครอบครัว แต่การทำให้พนักงานได้รับความสุขพร้อมกันไปด้วยย่อมดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะไม่เพียงทำให้พนักงานมีความสุขมากขึ้น แต่ยังทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
Zone แรก คือ Firm Zone เป็นพื้นที่มั่นคงและปลอดภัยในการทำงาน เมื่อพนักงานรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย ก็จะโฟกัสที่งานได้เต็มที่ ส่งผลให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งบ้านที่เป็น Firm Zone จะต้องมีการเติบโตอย่างมั่นคง และมีสวัสดิการที่เหมาะสม (Health Growth) ตลอดจนมีแผนเติบโตต่อเนื่องสอดคล้องไปกับบริบททางสังคมและโลก ทั้งนี้ ในปี 2564-2566 ยอดสินเชื่อของ EXIM BANK เติบโตเฉลี่ยปีละ 7% ซึ่งการเป็นบ้านที่ดีต้องมีเส้นทางการเติบโตของตำแหน่งงานท (Career Growth) รวมถึงสื่อสารเรื่องนี้ให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกัน เพื่อให้พนักงานเชื่อมั่นว่าตนเองจะมีโอกาสเติบโตอย่างแน่นอน เมื่อปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด บ้านหลังนี้ก็จะเป็นบ้านที่ปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค (Equality & Equity)
Zone ที่สอง คือ Flexi Zone เป็นพื้นที่ที่มีบรรยากาศการทำงานที่อบอุ่น ยืดหยุ่นต่อการดำเนินชีวิตของพนักงานทุกคน ทั้งนี้ แม้ความมั่นคงและเติบโตดีขององค์กรจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนเก่ง ๆ อยากเข้ามาร่วมทำงานในองค์กร แต่การเหนี่ยวรั้งให้พนักงานอยู่ในองค์กรได้นาน และทำงานด้วยใจ ต้องทำให้องค์กรเป็นสถานที่ที่ทำงานด้วยความอบอุ่น สบายใจ ควบคู่กันไปด้วย ซึ่ง EXIM BANK มีแนวทางในการสร้างบรรยากาศทำงานด้วยความสุข อาทิ การให้พนักงานจัดสรรเวลาทำงานให้ลงตัวกับชีวิตส่วนตัว แต่ยังคงรักษาประสิทธิภาพงาน (Flexi Hours) การเลือกใช้สวัสดิการให้สอดคล้องกับความต้องการได้มากขึ้น และสวัสดิการเงินกู้อเนกประสงค์ (Flexi Benefit) รวมถึงความยืดหยุ่นในการแต่งตัว โดยเปิดกว้างให้พนักงานได้แต่งกายในสไตล์ที่ตนเองชอบ แต่ยังสุภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะ (Flexi Wear) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม EXIM Club ที่ส่งเสริมให้พนักงานได้มีกิจกรรมร่วมกัน และมีการฝึกสอนทักษะวิชาอาชีพที่หลากหลาย เพื่อให้พนักงานได้ใช้เวลาร่วมกัน และสามารถนำไปทำเป็นอาชีพเสริมเพิ่มช่องทางรายได้มากขึ้น โดยพนักงานสามารถเข้าร่วมได้ตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น โยคะ Body Combat เต้นซุมบ้า Board Games รวมถึงจัดพื้นที่ฟิตเนสสำหรับคนรักสุขภาพ ตลอดจนการสอนแต่งหน้า การสอนทำขนม
EXIM BANK ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่เติบโตไปพร้อมกับการทำงานอย่างมีความสุขของพนักงาน แต่ยังมีความตั้งใจที่จะ Pay it forward หรือส่งต่อความสุขให้กับสังคม ซึ่งที่ผ่านมา EXIM BANK ได้ส่งต่อความสุขให้สังคม โดยการเปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และผู้บกพร่องทางการได้ยินในโครงการ “ยิ้มสู้” การให้ความรู้ทางการเงิน เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน แก่ชุมชนวัดมะกอกและชุมชนห้วยน้ำเพี้ย จ.น่าน การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบางให้สามารถประกอบอาชีพได้ รวมถึงการสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ประกอบการที่ร่วมกันสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับโลก ผ่านการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สินเชื่อ EXIM Green Start เงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการทุกขนาดที่ทำธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สินเชื่อ EXIM Green Goal เงินลงทุนเพื่อการปรับปรุงโครงการให้ดำเนินธุรกิจและบริการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) สินเชื่อ EXIM Solar D-Carbon Financing เงินทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ครอบคลุมทุกขนาดธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงการดำเนินงาน เพราะเมื่อธุรกิจประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถส่งต่อความสุขให้กับสังคมและทำให้สังคมของเราน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งการอยู่ในสังคมที่ดีเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้เรามีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดีด้วยเช่นกัน
“คนเรามีอายุขัยเพียงประมาณ 4,000 สัปดาห์ เราต้องหมั่นดูแลรักษาจิตใจและร่างกายให้พร้อมรับมือกับทุก ๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งเป็นผู้นำยิ่งต้องมีการเตรียมทั้งจิตใจและร่างกายให้พร้อมอย่างมีสติ รอบคอบ เพื่อพร้อมแก้ปัญหาทั้งในด้านการบริหารงาน และบริหารคน ให้มองว่าใจเปรียบเสมือนภาชนะ เมื่อเราเลือกใส่สิ่งที่ดีลงไปมาก ก็จะมีพื้นที่ให้สิ่งที่ไม่ดีลดลง ดังนั้น ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะประสบกับเหตุการณ์ใด ก็ให้เริ่มต้นจากการมองหาสิ่งที่ดีที่มีอยู่ในสถานการณ์นั้น ๆ ขึ้นมาเก็บไว้ก่อน และร่างกายเปรียบเสมือนบ้านของจิตใจ จึงต้องหมั่นดูแลบ้านหรือร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ หากร่างกายแข็งแรงดี มุมมองและความรู้สึก สภาวะจิตใจ ก็จะดีตามไปด้วย ในการทำงานในองค์กรที่มีความหลากหลายทางด้านความคิดและเจเนอเรชัน ไม่ว่าจะอยู่ระดับใด เราต้องพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน จะนำไปสู่ความสุขของคนในองค์กร และความสำเร็จที่ยั่งยืน” ดร.รักษ์ กล่าว