จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก “เจ๊ม้อยv+” โพสต์คลิปวีดีโอพร้อมระบุข้อความว่า “ปากเกร็ด-นนทบุรี เหตุการณ์วินจยย.รับจ้าง มีเรื่องชกต่อยกับชาย-หญิงคู่หนึ่ง สังเกตเห็นว่าวินจยย.เป็นฝ่ายเริ่มทำร้ายผู้หญิงก่อน จากนั้นฝ่ายชายได้เข้ามาชกต่อยวิน ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะรุมซ้ำ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่โพสต์ตำหนิและด่าฝ่ายวินจยย. โดยมองไม่ควรไปทำร้ายฝ่ายหญิง หากตกลงกันไม่ได้จริง ๆ ก็ควรจะไปโรงพักเพื่อหาทางออก ไม่ควรใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาเช่นนี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าวัดสนามเหนือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบกับ นายสมเจตน์ (สงวนนามสกุล) หรือ อั้ม อายุ 44 ปี อาชีพวินจยย.รับจ้างพื้นที่ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ผู้หญิงที่เห็นซ้อนท้ายรถจยย.ผู้ชายในคลิปนั่นคือภรรยาของตนเอง ชื่อว่านางพิมพ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน จดทะเบียนสมรสกัน ตอนนี้ยังไม่ได้หย่า วันที่เกิดเหตุตนเห็นภรรยาซ้อนท้ายผู้ชาย (ทราบชื่อภายหลังว่า นายสิทธิชัย) ไปต่อหน้าต่อตา
โดยก่อนหน้านี้ตนระแคะระคายอยู่แล้วว่าภรรยาแอบมีชู้ จึงพยายามเรียกให้ทั้งคู่จอด แต่อีกฝ่ายยอมไม่จอด ตนจึงขับขี่รถจยย.ไปเทียบให้หยุด ก่อนโวยวายว่า “…ทำไมทำกับตนแบบนี้ เอาชู้มานอนบ้านได้ยังไง…” ภรรยาก็เถียงกลับว่า “…กูเลิกกับมึงแล้ว!…” ด้วยความโมโหจึงเข้าไปทำร้ายภรรยา จังหวะนั้นฝ่าย นายสิทธิชัย เข้ามาต่อยตนแบบไม่ยั้ง ก่อนที่ภรรยาจะรุมทำร้ายตนไปด้วย สุดท้ายตนบาดเจ็บศีรษะบวมปูด ฟันกรามล่างหัก จากการถูกเตะบริเวณใบหน้า กระดูกเคลื่อน และปากแตก เนื้อตัวระบม
“…ยอมรับว่า เป็นคนเริ่มก่อนเพราะฟิวส์ขาด เดิมเมียผมเป็นชาวลาว แต่งกันจดทะเบียน พาไปทำบัตรประชาชนเรียบร้อย อยู่กินกันจนมีลูก 2 คน เขามีทุกวันนี้ได้เพราะผม แต่สุดท้ายมาพูดต่อหน้าชู้ว่าเลิกับผมแล้ว บอกผมว่าเบื่อ ไม่อยากให้มายุ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อนเลย หากฝ่ายหญิงจะเลิกก็ควรไปหย่ากันให้เรียบร้อย จะไม่รู้สึกโมโหหรือโกรธแบบนี้ แต่นี่ไม่ได้ทะเลาะกันมาก่อน ไม่ได้หย่ากัน แค่บอกว่าเบื่อแล้วพาชายชู้มาหลับนอนถึงที่บ้านของตน จะให้ไม่โกรธได้อย่างไร?….” นายอั้ม กล่าวและเผยต่อว่า
เรื่องนี้ตนเห็นมีแต่คนด่าตนผ่านทางเฟซบุ๊ก รู้สึกไม่สบายใจ จึงต้องยอมออกมาเปิดเผยความจริง มันเจ็บปวดกับคนรักแล้ว ยังต้องมาเจ็บปวดกับคอมเมนต์ในเฟซบุ๊ก ล่าสุดไปแจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้แจ้งความ เพราะคิดว่าตนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่พอตนเล่าเรื่องให้ฟัง เห็นว่าตนบาดเจ็บหนักเพราะโดนอีกฝ่ายรุมทำร้าย จึงรับแจ้งความ หลังจากนี้ตนคิดว่าจะเดินหน้าฟ้องชู้และภรรยาให้สมแก่ความผิดที่กระทำกับตนไว้.