เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ส.ค. ที่ สน.สุทธิสาร นายประกาศ บุญหลัง โชเฟอร์แท็กซี่หัวร้อน เดินทางเข้าพบตำรวจ หลังก่อเหตุใช้มีดฟันหัวผู้โดยสารสาว ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และมือ หลังผู้เสียหายเมา และอาเจียนใส่ถุงพลาสติก แต่นายประกาศ ไม่พอใจร้องเรียกขอค่าเสียหาย โดยหลังเกิดเหตุ ญาติของผู้เสียหายและเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าร้องเรียน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เมื่อวาน (11 ส.ค.) ที่ผ่านมา และต่อมาได้เข้าแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร วานนี้ ตามที่นำเสนอไปแล้ว
ทั้งนี้ หลังสอบปากคำผู้ก่อเหตุนานเกือบ 2 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา แต่จะนัดหมายมาแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้ง หลังผลการตรวจบาดแผลและผลจากความเห็นของแพทย์ส่งกลับมา จึงจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย หรือทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส โดยในระหว่างกลับบ้าน ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามผู้ก่อเหตุว่า เหตุใดจึงก่อเหตุลงไป เจ้าตัวอ้างว่าถูกดูถูกดูหมิ่นหลายอย่าง ทั้งการปาเงินใส่หน้า และดูถูกที่ตนเองเป็นแท็กซี่ ประกอบกับมีความเครียดหลายอย่างในเรื่องครอบครัว หากย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่ทำอีก นอกจากนี้ ยังอยากขอโทษผู้เสียหายที่ก่อเหตุลงไป โดยหลังจากให้ปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินทางไปพบผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล และรอเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายเอกภพ เดินทางมาติดตามคดีดังกล่าว ก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการพูดคุยกับโชเฟอร์แท็กซี่ ได้ความว่า เขาทะเลาะมีปากเสียงกัน กับผู้เสียหายและเพื่อนตั้งแต่ในรถ แต่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ตอนที่ทางเพื่อนของผู้เสียหาย โยนเงิน 200 บาท ใส่หน้า ประกอบกับตัวโชเฟอร์มีความเครียดสะสม เรื่องปัญหาครอบครัวและปัญหาหนี้สิน ทั้งภรรยาใกล้คลอด ลูก 2 คนกำลังเรียนหนังสือโทรศัพท์มาขอเงิน ซึ่งตนไม่มีเงินให้ อีกทั้งยังถูกอู่แท็กซี่โทรฯ มาทวงค่าเช่ารถ
นายเอกภพ กล่าวต่ออีกว่า โชเฟอร์รายนี้กล่าวอีกว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ คงไม่ทำอะไรรุนแรงถึงขนาดนี้ รู้สึกเสียใจ และจะไม่นำมีดไว้ในรถ เพราะถ้าไม่มีมีด ก็จะเอาออกทำร้ายผู้โดยสารไม่ได้ อยากไปขอโทษผู้เสียหายที่โรงพยาบาล
ด้าน พ.ต.ท.ชุติพนธ์ ตระกรุดทอง รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร ระบุว่า เบื้องต้นเข้าข่ายกระทำความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ต้องรอผลตรวจจากแพทย์ก่อน เพื่อประกอบการแจ้งกล่าวหาอีกครั้ง แต่จะเป็นทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ต้องรอผลตรวจจากทางแพทย์ก่อน ซึ่งเมื่อได้มาแล้ว ก็จะเรียกตัวผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง
ทั้งนี้ หลังสอบปากคำผู้ก่อเหตุนานกว่า 3 ชม. ตำรวจได้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา แต่จะนัดหมายมาแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้ง หลังผลการตรวจบาดแผลและผลจากความเห็นของแพทย์ส่งกลับมา จึงจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้ง
โดยในระหว่างที่ผู้ก่อเหตุเดินออกจากห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามผู้ก่อเหตุว่า เหตุใดจึงก่อเหตุลงไป เจ้าตัวอ้างว่าถูกดูถูกดูหมิ่นหลายอย่าง ทั้งการปาเงินใส่หน้า และดูถูกที่ตนเองว่าเป็นคนขับแท็กซี่ ประกอบกับมีความเครียดหลายอย่างในเรื่องครอบครัว และเรื่องหนี้สิน หากย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่ทำอีก นอกจากนี้ยังอยากขอโทษผู้เสียหายที่ก่อเหตุลงไป โดยหลังจากให้ปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินทางไปพบผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล และรอเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง