เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย หลายกรณีในอดีต ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในกรณีต่างๆ ที่วางบรรทัดฐาน และแนวทางปฏิบัติ เมื่อมีผู้บริหารท้องถิ่นถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาดคีทุจริตและประพฤติมิชอบ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยผลของกฎหมายมาตรา 93 และ 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เทียบเคียงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา

หากผู้บริหารท้องถิ่นรายใด ฝ่าฝืนไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถใช้อำนาจตามกฎหมาย สั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่น พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว โดยให้ไปโต้แย้งคำสั่งต่อศาลปกครองต่อไป

โดยแนวปฏิบัติดังกล่าว เกิดขึ้นก่อนกรณี นายชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ชนะเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี แต่มีคดีเก่าในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าท้ายสุดแล้วหาก กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง นายชาญ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ล่าสุดนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องต่อศาลเพื่อสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สร้างความสับสนว่าจะยึดแนวทางใดกันแน่

พบว่า ในอดีตเคยมีคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย อาทิ เช่น คำสั่งจังหวัดจันทบุรี ที่ 106/2567 เรื่อง ให้นายอานนต์ รัตโนภาส นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี พ้นจากตำแหน่งเพราะประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความเรียบร้อย เนื่องจากไม่ฝ่าฝืนไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้า ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 93 และ 81 หลังถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 โดยอาศัยกฎหมาย พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14 ) พ.ศ. 2562 สั่งให้พ้นตำแหน่ง โดย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 15 ม.ค. พ.ศ. 2567

อีกทั้งยังมีคำสั่งจังหวัด กาฬสินธุ์ ที่ 10552/ 2566 ของ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัด กาฬสินธุ์ ลงวันที่ 4 ส.ค. พ.ศ. 2566 สั่งให้นายนิพนธ์ มาตสะอาด พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลนามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ตามมาตรา 73/1 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 หลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ พบว่า ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามมากฎหมาย มาตรา 93 และ 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และ ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่ 1 หลัง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้ประทับรับฟ้อง เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งของ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท.0804.3/ว. 85 ลงวันที่ 7 ม.ค. 2566 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด (ยกเว้นผู้ว่าฯ จังหวัดเลย, ลำปาง และ กาฬสินธุ์) กรณีหากศาลฯ ได้ประทับรับฟ้องแล้ว และต่อมาบุคคลดังกล่าวได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นอีก

โดยบุคคลดังกล่าวต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 81 และ 83 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยยึดแนวทางคณะกรรมการกฤษฎีกาชุด ที่ 1 เรื่องเสร็จที่ 1486/2565 เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบการพิจารณา

รวมถึงคำสั่งของ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยด่วนที่สุด ที่ มท.0804.3/83 ลงวันที่ 7 ม.ค. 2566 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง หลังนายนิมิตร จิวะสันติการ (นายกเทศมนตรีนครลำปาง) ถูกศาลอาญาคดีทุจริตฯ ประทับรับฟ้อง เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2565 โดยกระทรวงมหาดไทย และ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้พิจารณาเรื่องเสร็จแล้ว ยึดแนวทางตามบันทึกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2565 ให้พิจารณารายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย

คำสั่งของ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยด่วนที่สุด ที่ มท.0804.3/84 ลงวันที่ 7 ม.ค. 2566 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด กาฬสินธุ์ กรณีเมื่อ ปี2552 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ประทับฟ้อง และต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก 5 ปีมีเหตุให้ลดโทษคงเหลือ 2 ปี และไม่รอลงอาญา แก่นายบัณฑิต ภูนากลม เมื่อครั้งตำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าไฮงาม และ นายบัณฑิตได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาล และต่อมาจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงขอแนวทางการปฏิบัติ เกี่ยวกับการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้พิจารณาเรื่องเสร็จแล้ว ยึดแนวทางตามบันทึกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2565 ให้พิจารณารายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย