วันที่ 5 ก.ค. นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตนิยมวิทยาเผยว่าจากการสำรวจแรงลมที่จุดเพลิงไหม้โรงงานย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ พบว่าจะพัดกลุ่มหมอกควันจากทิศตะวันตกเฉียงใจ้ไปยังจ.ฉะเชิงเทราและจ.นครนายก แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือในช่วงนี้จนถึงค่ำ บริเวณกรุงเทพและปริมณฑลรวมถึงจุดเกิดเหตุอาจมีฝนตกลงมา หากฝนลงไปชะล้างกลุ่มควันเหล่านี้ซึ่งเป็นสารพิษ ตกไปยังแม่น้ำคลอง จะส่งผลต่อการอุปโภคบริโภคน้ำของประชาชนอย่างมาก ดังนั้นช่วงนี้จึงต้องระมัดระวังเรื่องการใช้น้ำโดยเด็ดขาดใน 1-2 วันนี้
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวมีสารสไตรีนโมโนเมอร์ที่เป็นของเหลว ไวไฟ เมื่อติดไฟจะให้เกิดควันหรือก๊าซที่ระคายเคืองหรือเป็นพิษตอนตัวคนมาก ดังนั้นจึงห้ามอยู่ใกล้และห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณดังกล่าว เพราะสารนี้มีอันตรายต่อระบบอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทั้งระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ระบบสร้างเลือด ตับ และระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อได้รับไอระเหยของสารนี้ทางการสูดดม จะส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ ง่วงซึม ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หมดสติ จะต้องย้ายผู้ป่วยไปบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ทันที หากได้รับทางผิวหนังจะมีอาการผิวหนังแดง ปวด ให้ใช้วิธีล้างผิวหนังทันทีด้วยสบู่และน้ำปริมาณมาก ๆ หากสัมผัสสารทางดวงตาจะทำให้ระคายเคืองตา ตาแดง ปวดตา จึงควรล้างตาด้วยน้ำในปริมาณมาก ๆ เช่นกัน เพื่อเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ทั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้และมีสารเคมีรั่วไหลขอให้ตั้งสติ และปฏิบัติดังนี้ 1. ออกจากพื้นที่ทันทีตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการ และอยู่เหนือลม หรืออยู่ในอากาศที่ถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการสูดดมควัน 2.กรณีที่สัมผัสควันไฟหรือไอระเหยจากสารเคมีให้รีบนำผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ หากสารเคมีเปื้อนผิวหนังให้ล้างและทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ แต่ถ้าสัมผัสสารเคมีหรือโดนไอระเหยเข้าดวงตาให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง และโทรเรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669
3.หากยังมีคนติดอยู่ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ อย่ากลับเข้าไปในพื้นที่เอง 4.ติดตามข้อมูลสถานการณ์ จากหน่วยงานภาครัฐ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดและ 5. ถึงแม้เหตุการณ์ไฟไหม้จะสงบลงแล้ว ยังไม่ควรเข้าใกล้หรือสัมผัสสารเคมีในบริเวณนั้นโดยเด็ดขาดจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว หากเหตุการณ์สงบแล้วและกลับเข้าบ้านต้องประเมินสถานภาพตนเองและคนใกล้ชิด หากพบมีอาการผิดปกติดังกล่าวควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที
ด้านนายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ปฏิเสธข่าวที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์ว่าโรงงานแห่งนี้มีปริมาณสารเคมีเก็บไว้ใต้ดินถึง 500,000 ลิตรนั้นไม่เป็นความจริง โดยปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มีสารเคมีเก็บอยู่ที่ 20,000 ลิตร ซึ่งสารเคมีที่อยู่ในโรงงานที่เกิดเหตุ 2 ชนิดเป็นสารที่ซื้อในประเทศอยู่ภายใต้กฎหมายพ.ร.บ.โรงงานไม่ได้นำเข้าจากต่างประเทศแต่อย่างใด ได้แก่ สารสไตรีนโมโนเมอร์ ที่เป็นสารตั้งต้นผลิตโฟมก็มีคุณสมบัติติดไฟได้ง่ายที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ส่วนสารพอลิสไตรีนนั้น เมื่อถูกความร้อนสูง จะให้สาร 2 ชนิดคือ สไตรีนและเบนซีน