สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ว่าสำนักพระราชวังของมาเลเซียเผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ ว่าสมเด็จพระราชาบดีอับดุลเลาะห์ ยังดีเปอร์ตวนอากงพระองค์ปัจจุบัน ทรงใช้พระราชอำนาจตามมาตรา 40 และมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐ เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอิสมาอิล ซาบรี ยาค็อบ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 9 โดยพิธีถวายสัตย์ฯ จะเกิดขึ้นที่พระบรมมหาราชวัง ในวันเสาร์ที่ 21 ส.ค.นี้
ขณะเดียวกัน เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า แม้อิสมาอิล ซาบรี ได้รับเสียงสนับสนุนยืนยันในเบื้องต้นจากสภาผู้แทนราษฎร 114 จาก 222 เสียง ซึ่งถือว่าเกินครึ่ง แต่สมเด็จพระราชาธิบดีทรงมีพระราชประสงค์ให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องเข้าสู่กระบวนการอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจจากที่ประชุมอีกครั้ง "โดยเร็วที่สุด" เพื่อยืนยัน "การมีเสียงสนับสนุนข้างมากอย่างแท้จริง"
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สองภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียต้องทรงคลี่คลายวิกฤติการเมืองภายในประเทศด้วยพระองค์เอง เริ่มจากการลาออกจากตำแหน่ง "แบบเหนือความคาดหมาย" ของ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เมื่อปลายเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว ต่อจากนั้นไม่กี่วัน พระองค์ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายมูห์ยิดดิน ยาสซิน ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ ( อัมโน ) พรรคการเมืองขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุด "เป็นตัวแปรสำคัญ" ส่งผลให้มูห์ยิดดินลาออกในสัปดาห์นี้ ก่อนถึงกำหนดการอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจในเดือนหน้า และการเลือกตั้งทั่วไปภายในเดือน ก.ค. 2565 ด้วย
ขณะที่การรับตำแหน่งของอิสมาอิล ซาบรี ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานพรรคอัมโน เท่ากับเป็นการหวนคืนสู่อำนาจสูงสุดทางการเมืองของพรรคเก่าแก่แห่งนี้ หลัง "พ่ายแพ้ครั้งประวัติศาสตร์" ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2561 และต้องพ้นจากการผูกขาดการเป็นรัฐบาลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มาเลเซียเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร เมื่อปี 2500.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES