วานนี้ (17 ต.ค. 2567) สำนักข่าวเดอะ เทเลกราฟ รายงานกรณีของพนักงานของ “เมตา อิงค์” บริษัทแม่ของ “เฟซบุ๊ก” โดนไล่ออกเป็นจำนวน 30 คน หลังจากโดนจับได้ว่าพวกเขาใช้สวัสดิการช่วยเหลือด้านอาหารของบริษัทไปใช้ซื้อของใช้ส่วนตัว เช่น เครื่องสำอาง, ผงซักฟอก และของใช้อื่น ๆ ในครัวเรือน
แหล่งข่าวนิรนามโพสต์ข้อความในแอปพลิเคชันไบลด์ระบุว่า ในจำนวนพนักงานที่โดนไล่ออกนี้ มีพนักงานด้านวิศวกรที่ได้เงินเดือนระดับเลข 6 หลักหลายคน
ปกติแล้ว บริษัทเมตาจะมีสวัสดิการอาหารฟรี 3 มื้อให้พนักงานที่ประจำอยู่ในสำนักงานสาขาใหญ่ ๆ เพื่อจูงใจให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงานได้นาน ๆ
ส่วนสำนักงานสาขาย่อยซึ่งไม่มีโรงอาหารสำหรับพนักงาน ก็จะมีการแจกบัตรของขวัญให้ใช้กับแอปสั่งซื้ออาหารต่าง ๆ เช่น กรับฮับ ซึ่งพนักงานสามารถใช้บัตรแทนเงินสดเหล่านี้สั่งซื้ออาหารได้ฟรีในระหว่างทำงานอยู่ในสำนักงาน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทเมตาได้ตรวจสอบพบว่า มีพนักงานบางคนที่ใช้บัตรของขวัญมูลค่า 25 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 830 บาท) นี้ไปสั่งซื้อสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารผ่านแอป เช่น แก้วไวน์, ผงซักฟอก
พนักงานของเมตาได้รับคำเตือนตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่ควรนำบัตรของขวัญที่บริษัทมอบให้เป็นสวัสดิการอาหารไปใช้ในทางอื่น แต่ก็ยังมีคนฝ่าฝืน จึงโดนไล่ออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีข่าวเมตา อิงค์ปลดพนักงานจำนวนมากที่ทำงานอยู่ในบริษัทที่รับผิดชอบแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในเครือ ได้แก่ วอตส์แอป, อินสตาแกรมและแผนกเวอร์ชวล เรียลิตี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยบริษัทกล่าวว่า กำลังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างแผนกและย้ายพนักงานบางส่วนไปยังแผนกอื่น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเลิกจ้างครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นการปลดออกครั้งใหญ่เหมือนในปี 2565 และ 2566 ซึ่งบริษัทได้เลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนหลายหมื่นคน โดยทางซักเคอร์เบิร์กอ้างว่า เพื่อเป็นแรงผลักดันของ “ประสิทธิภาพ”ในการทำงาน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมตา อิงค์ได้ลดสิทธิพิเศษที่เคยนำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานเข้ามาที่สำนักงาน เช่น ยกเลิกให้พนักงานนำอาหารกลับบ้านได้ รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น บริการซักรีด
ที่มา : telegraph.co.uk
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES