สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ว่า บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หนึ่งในผู้ผลิตด้านชีวเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการติดตามผลหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ซึ่งพัฒนาให้ใช้งานเพียงเข็มเดียว ว่าระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีในร่างกายของผู้รับวัคซีน “ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งและคงที่” แม้เวลาผ่านไปแล้ว 8 เดือน หมายความว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพเพียงพอ ในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาทุกสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่บนโลก รวมถึงเชื้อ “เดลตา”

LATEST: Johnson & Johnson said that its single-shot coronavirus vaccine neutralizes the fast-spreading delta variant https://t.co/mlx9BzcgZW— Bloomberg (@business) July 2, 2021


ขณะเดียวกัน รายงานดังกล่าวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ยังยืนยันประสิทธิภาพของวัคซีน ว่าสูงยิ่งขึ้นไปอีก ในการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ “เบตา” ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ด้วย และในภาพรวมถือว่า วัคซีนสามารถป้องกันอาการป่วยหนักจนถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิตได้ 85%

Dr. Fauci tells CBSN he’s “quite concerned” about the Delta COVID-19 variant in the U.S., saying it can spread “much more efficiently” and “cause more severe disease.”

He say current vaccines “do very well” against the variant but unvaccinated people “are at significant risk” pic.twitter.com/LWUQUEuqqV— CBS News (@CBSNews) June 30, 2021


ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ( ซีดีซี ) เผยแพร่ฉากทัศน์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ ว่าเชื้อเดลตากำลังจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของสหรัฐ “ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” และยังคงแนะนำการใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยีไวรัล เวกเตอร์ ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในเวลานี้ นอกเหนือจากวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอ อย่างไรก็ตาม วัคซีนทั้งสามยี่ห้อต้องฉีด 2 โด๊ส ภายในระยะเวลาห่างกันประมาณ 3 สัปดาห์.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES