สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ว่า นายยุน ซอก-ยอล สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 13 ของเกาหลีใต้ เมื่อวันอังคาร ในพิธีซึ่งจัดขึ้นที่หน้าอาคารสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในกรุงโซล
ทั้งนี้ ยุน วัย 61 ปี อดีตอัยการสูงสุดซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน จากการที่เกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธ และแนวโน้มของการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่ และภาวะเงินเฟ้อ ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี ซึ่งเป็นผลจากวิกฤติสงครามในยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความพยายามของรัฐบาล ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19
ขณะที่ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ในช่วงหนึ่งของการกล่าวสุนทรพจน์รับตำแหน่ง ว่าโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของรัฐบาลเปียงยาง เป็นภัยคุกคามต่อเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโซลชุดใหม่ยังคงมีความพร้อมและยินดีเจรจา เพื่อแสวงหาทางออกอย่างสันติร่วมกัน โดยหากเกาหลีเหนือมีความมุ่งมั่นปลดนิวเคลียร์ “อย่างแท้จริง” เกาหลีใต้พร้อมและยินดีสนับสนุน เพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของพลเมืองเกาหลีเหนือด้วย
อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า ยุนไม่ได้กล่าวถึงประเด็นเงินเฟ้อมากนัก แต่ยอมรับว่า อัตราการว่างงานที่ยังคงสูง ความเหลื่อมล้ำของค่าแรง และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย คือหนึ่งในภารกิจท้าทายที่รัฐบาลต้องแก้ไขให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ด้านเกาหลีเหนือยังไม่มีปฏิกิริยา ต่อการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ ท่ามกลางการจับตาของหลายฝ่าย ว่ารัฐบาลของยุนอาจเผชิญกับ “ภาวะวิกฤติด้านความมั่นคง” ตั้งแต่ต้น หากเกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์ภายในเดือนนี้จริง.
เครดิตภาพ : REUTERS