หลังจากในตอนแรก Dailynews Exclusive ได้นำเสนอการแกะรอยไล่ล่า จอมโจร “ตี๋ใหญ่” วายร้ายชื่อก้องในยุคปี พ.ศ.2516-2524 ถึงขั้นต้องส่ง ตำรวจนอกเครื่องแบบ แฝงตัวเข้าอยู่ไปในกลุ่มโจร แม้จะกวาดล้างจับกุมลูกน้องตี๋ใหญ่ มีทั้งถูกวิสามัญฆาตกรรม และจับกุมเข้าคุกไปจำนวนมาก

แต่ไม่น่าเชื่อตำรวจที่ถูกส่งเข้าไปก็ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวตี๋ใหญ่ ได้เลย!!

กรมตำรวจ ยุคสมัยนั้นจึงต้องมาปรับแผนใหม่ พล.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ ผบช.น., พล.ต.ท.สุทัศน์ สุขุมวาท ผบช.ภ.1 ต้องระดมบรรดานักสืบมือดี ตามกดดันไล่ล่านานเกือบ 4 ปีเต็ม ในที่สุดความพยายามก็ประสบผลสำเร็จ

26 ก.พ.24” วันปิดบัญชีตี๋ใหญ่

พ.ต.อ.บรรดล ตัณฑไพบูลย์ อดีตรองผู้บังคับการ ภ.จว.สระบุรี ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ ถึงเหตุการณ์ย้อนอดีต 41 ปีที่แล้วต่อว่า จากในตอนแรก ที่ผมได้เล่าให้ฟังว่าได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เข้าไปฝังตัวอยู่ในแก๊งตี๋ใหญ่ช่วงปี พ.ศ.2520 จนช่วยให้กรมตำรวจกวาดล้างจับกุมลูกน้องตี๋ใหญ่ไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นผู้ใหญ่สั่งให้ถอนตัวออกมาเพื่อความปลอดภัย กระทั่งปี พ.ศ.2524 ผมเป็น รอง สวป.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ สารวัตรใหญ่ สน.สำราญราษฎร์ ได้เรียกตัวผมกลับมาเข้า ร่วมทีมสืบสวนตามล่าตี๋ใหญ่ อีกครั้ง หลังจาก “สายข่าว” ที่เป็นเพื่อนใกล้ชิดตี๋ใหญ่ ใน จ.สมุทรสาคร ส่งข้อมูลมาให้ตำรวจว่า ตี๋ใหญ่ โผล่มาป้วนเปี้ยนหาเพื่อนในพื้นที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร และแถวๆ วัดกาหลง ซึ่งตี๋ใหญ่ ให้ความเคารพศรัทธา หลวงพ่อสุด วัดกาหลง โดยบูชาผ้ายันต์และตะกรุดของหลวงพ่อสุด มาไว้ติดตัวตลอด ตำรวจชุดเฉพาะกิจจึงเข้าพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ร่วมวางแผนจับกุมกันตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. แล้วลงมือปฏิบัติการในวันที่ 26 ก.พ.

ภาพที่ผมยังจำไม่ลืมของ วายร้ายนามกระฉ่อน ที่ได้ติดตามล่ามานาน 4 ปี เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวเป็นๆ เวลา 15.30 . (26 ..2524) ชายรูปร่างสูงโปร่ง ใส่แว่นตาเรย์แบน สวมเสื้อลายสก๊อตพับแขน กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ หมวกผ้าสีขาวลายพัทยาไทยแลนด์ เดินออกมาจากแถวๆ วังกุ้ง

ตอนนั้นผมอยู่ศาลาริมถนนธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ฝั่งปากซอยวัดกาหลง ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามมีตำรวจนอกเครื่องแบบจอดมอเตอร์ไซค์ริมถนน นั่งอยู่ในศาลาเช่นกัน จากนั้น สายข่าว เดินข้ามฝั่งถนนมาคนเดียวพร้อมพูดส่งเสียงดังให้ได้ยินว่า มาติดต่อรถปิกอัพสองแถวรับจ้างที่จอดอยู่ข้างศาลา เพื่อว่าจ้างให้เข้าไปส่งที่วัดธรรมโชติ อ.บ้านแพ้ว ยอมรับว่าตอนนั้นพวกเราแทบจะไม่ได้ตั้งตัว เพราะตำรวจอีกชุดใหญ่ยังซุ่มดักภายในซอยวัดกาหลง ทั้ง สายข่าว เมื่อสายจ้างรถสองแถวแล้วก็วิ่งข้ามฝั่งมารับ ตี๋ใหญ่ กับ ลูกน้อง ในรถรวมคนขับมี 4 คน พากันขับเข้าไปในซอยมุ่งหน้าวัดธรรมโชติ ทั้งผมและตำรวจอีกนายที่อยู่คนละฝั่งแทบไม่เชื่อสายตาว่า จะมีโอกาสได้เห็นตี๋ใหญ่ อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เมื่อรถวิ่งออกไปสักระยะ จึงรีบวิทยุรายงาน ทีมไล่ล่า ซึ่งจอดรถ 2 คัน เฝ้าจุดในซอยวัดกาหลง ไม่ไกลเท่าไรนัก คราวนี้รถยนต์ตำรวจ 2 คัน และมอเตอร์ไซค์อีก 1 คัน ก็ขับตามประกบไปทันที นอกจากนี้ยังวิทยุรายงานผู้บังคับบัญชารับทราบ

เรียกว่าจะถึงคราวสิ้นชื่อจริงๆ เพราะจู่ๆ ตี๋ใหญ่ เกิดอยากจะขับรถขึ้นมา ก็บอกให้โชเฟอร์ลงไปนั่งด้านหลังแทน จากนั้นตัวเองขับรถ สภาพที่ผมเห็นเหมือนคนยังขับรถไม่คล่อง เพราะรถเคลื่อนไปอย่างช้าๆ แถมรถมีอาการสะดุดเสียจนต้องจอด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ตำรวจติดตามมาทัน เมื่อมี เสียงปืนนัดแรก ดังขึ้น คราวนี้เสียงปืนของตำรวจก็ดังระงมติดตามมา เจ้ารถสองแถว และ ลูกน้องตี๋ใหญ่ กระโดดวิ่งหนีลงจากรถไปคนละทิศละทาง

เมื่อตำรวจเข้าเคลียร์ที่เกิดเหตุเจอ ร่างตี๋ใหญ่ นั่งเสียชีวิตแน่นิ่ง คอพับอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ปืนสั้น 11 มม. คู่กาย ตกอยู่ใกล้เท้าขวา ปลอกกระสุนกระจายเกลื่อน ส่วน “สายข่าว” ไม่ได้รับอันตราย ตำรวจเกือบทุกนายที่ทุ่มเทการไล่ล่าวายร้ายชื่อดังแห่งยุคนั้น มานานหลายปี ต่างเข้ามาดูศพเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

นำศพจอมโจรผู้เป็นตำนานเข้ากรุงเทพฯ

หลังข่าวการวิสามัญฆาตกรรมได้แพร่สะพัดออกไป พล.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ ผบช.น., พล.ต.ท.สุทัศน์ สุขุมวาท ผบช.ภ.1 รวมทั้งสื่อมวลชนจำนวนมาก ต่างเข้ามาเกาะติดทำข่าว เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่โตในยุคนั้น มีชาวบ้านมามุงดูศพจำนวนมากเพราะทุกคนอยากรู้ว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ หลังจากสาธารณสุขจังหวัด ชันสูตรศพเบื้องต้นในที่เกิดเหตุแล้ว ต้องนำศพตี๋ใหญ่ ไปที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อลงบันทึกประจำวัน แต่ก็มีชาวบ้านนับพันแห่มาดูศพ บ้างก็ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง วิจารณ์ว่า ตำรวจจัดฉากเอาตัวปลอมมายิง เพราะตอนนั้นเชื่อกันว่าตี๋ใหญ่ มีวิชาอาคมหนังเหนียวคงกระพันยิงแทงไม่เข้า สุดท้ายทางตำรวจ สายสืบ สภ.เมืองสมุทรสาคร ต้องรีบไปติดตามรับภรรยาของตี๋ใหญ่ มาดูเห็นศพสามีถึงกับร่ำไห้โฮเป็นลมล้มทั้งยืน

จากนั้นนำศพจอมโจรผู้เป็นตำนานจากที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร มาที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง มาดูศพและร่วมเป็นสักขีพยานยืนยันว่า เป็นตี๋ใหญ่ คนเดียวกับ นายกรประเสริฐ ช่างเขียน ซึ่งได้เปรียบเทียบลายนิ้วมือของศพ ตรวจสอบทะเบียนประวัติอาชญากรรมของนายกรประเสริฐ ซึ่งเคยถูกจับกุมตัวได้ที่ สน.ภาษีเจริญ และถ่ายรูปบันทึกประวัติ ในคดีปล้นร้านทอง ปีพ.ศ.2518 (เป็นภาพแรกที่กรมตำรวจเคยถ่ายเอาไว้) โดยผลของการตรวจ ลายนิ้วมือศพตี๋ใหญ่ และทะเบียนประวัติอาชญากรรม นายกรประเสริฐ ตรงกัน เป็นตัวจริง ในส่วนของเงินรางวัลนำจับ 5 หมื่นบาท ก็ได้มอบให้กับสายข่าว ที่ช่วยราชการแจ้งเบาะแส จนนำมาซึ่งการปิดบัญชีของจอมโจรชื่อดังได้สำเร็จ

พ.ต.อ.บรรดล กล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นด้วยว่า ตี๋ใหญ่เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2524 แต่ข่าวลือก็ยังคงมีพูดถึงอยู่ บ้างก็ว่า ตี๋ใหญ่ ยังไม่ตาย หนีไปบวชเป็นพระ หรือหนีไปอยู่อเมริกา จึงเป็นเรื่องที่เหลวไหล เพราะศพตี๋ใหญ่ได้ถูกชันสูตรทั้งจากทีมแพทย์ รพ.สมุทรสาคร อีกทั้งยังนำลายนิ้วมือศพมาเปรียบเทียบประวัติอาชญากรรม และถ้าไม่ใช่ตัวจริง ทางกรมตำรวจก็คงไม่มอบเงินรางวัลนำจับ 5 หมื่นบาทให้กับสายข่าว ส่วนอัฐิก็ถูกเก็บไว้ในโกศที่บ้าน อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี

ต้องยอมรับว่าการสืบสวนคดี ในยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีทันสมัย กล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ าช่วยแกะรอย ตำรวจสืบสวนในยุคก่อนต้องใช้ฝีมือความมานะอุตสาหะ พยายาม อดตาหลับขับตานอนในการไปตามเฝ้าคนร้าย ดังเช่นคดีของแก๊งตี๋ใหญ่ เมื่อก่อคดีสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนมามากมาย ตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่หาทุกวิถีทาง แม้แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มโจร เพื่อไล่ล่าจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมือง เพราะทางเดินมันสวนกัน ตี๋ใหญ่เป็นโจรผู้ร้าย แต่ผมเป็นตำรวจผู้รักษากฎหมาย ต้องทำตามหน้าที่ คดีผ่านไปกว่า 40 ปี แม้ผมจะเกษียณราชการไปแล้ว ยังคงอยู่ในความทรงจำตลอด มีโอกาสไปทำบุญที่ไหน ก็จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เสมอ!!

หลังจากปิดคดีตี๋ใหญ่ วันที่ 26 ก.พ.2524 แต่ชีวิตของนายตำรวจสืบสวน ที่เคยเสี่ยงตายเข้าไปแฝงตัวอยู่ในรังโจร ก็ยังคงโลดแล่นเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ถูกย้ายไปหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเหนือ จดใต้ มีผลงานปราบปรามอาชญากรรมอย่างโชกโชน จนได้รับฉายา “มือปราบเหยี่ยวดำ” พ.ต.อ.บรรดล เกษียณอายุราชการ ในตำแหน่ง รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2551 พร้อมยังได้ถือโอกาสบวช เป็นเวลา 1 เดือน ที่วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับตี๋ใหญ่ และลูกน้อง รวมทั้งคนร้ายอีกหลายคน นอกจากนี้ยังได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษการทำงานด้านสืบสวนให้กับนักเรียนนายร้อยตำรวจ ที่สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน พร้อมยังได้ใช้เวลาว่างเขียน หนังสือมือปราบเหยี่ยวดำ ถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องจริง 40 ปี จากการทำงานตำรวจสายสืบสวน ทั้งได้แฝงตัวเข้าไปในแก๊งตี๋ใหญ่แล้ว ยังผ่านการทำงานคดีอาชญากรรมทั้งเล็กใหญ่อีกมากมาย สามารถนำมาใช้เป็นบทเรียนได้ถึงปัจจุบัน.

ทีมข่าวเฉพาะกิจ:รายงาน

อ่านเพิ่มเติม ย้อนรอย41ปี ปิดตำนานจอมโจร “ตี๋ใหญ่”(1)