ความเคลื่อนไหวโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พูดเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 66 ว่ารับฟังทุกความคิดเห็น แต่ไม่อยากพูดให้เกิดเป็นประเด็นแตกย่อย ไม่อยากตอบทีละข้อ จะทำให้เกิดความสับสน ขอให้มีคำตอบทั้งหมดก่อน จึงขอให้คอยอีกนิด ถ้าจะตอบคำถาม ต้องพูดในองค์รวมทั้งหมด เพื่อจะได้ทราบความต้องการที่แท้จริง รวมถึงผลกระทบด้านงบประมาณและการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนประเด็นที่ว่าจะลดกลุ่มเป้าหมายการจ่ายเงินนั้นนายกฯ บอกว่ายังไม่ได้ตอบว่าจะลดอะไร ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้ หรือจะเอาอย่างไร ยังไม่ได้บอก เพราะไม่อยากให้เกิดความสับสน ถ้าอยากจะตอบก็ต้องตอบทั้งหมด

“พยัคฆ์น้อย” รวบรวมข้อมูลช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทราบว่าการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ณ ปัจจุบันไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน ไม่มีปัญหากับแหล่งที่มาของเงิน ถึงเวลาเงินจะมาเอง แล้วทยอยชำระคืนกลับไปปีละกว่า 1 แสนล้านบาท จนครบ 4 ปี

ลองนึกภาพถ้ารัฐบาลไม่ได้ทำโครงการประกันราคา-จำนำข้าว ก็เอาเงินตรงนั้นในแต่ละปีมาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประมาณ 5.5 แสนล้านบาท เพียงครั้งเดียวจบ! ไม่ได้มากมายอะไร น้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับนโยบายหาเสียงของพรรค การเมืองอื่น ๆ

โดยเฉพาะนโยบายพรรคก้าวไกล บอกว่าจะจ่ายสวัสดิการผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท คือต้องจ่ายคนละ 36,000 บาท/ปี ถ้ามีผู้สูงอายุ 12 ล้านคน เท่ากับต้องจ่ายปีละ 4.32 แสนล้านบาท รวม 4 ปี ต้องใช้งบประมาณ 1.72 ล้านล้านบาท แล้วจะหาเงินมาจากไหน จะทำให้ประเทศชาติล่มจมหรือเปล่า ก็ไม่ทราบเหมือนกัน!

ถ้ายังจำกันได้ ปัญหาขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) เมื่อ 20 ปีที่แล้ว บ้านเมืองเสียหาย 6-8 แสนล้านบาท ทำให้ประเทศชาติล่มจมหรือเปล่า?

ช่วง 9 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กู้เงินไปกี่รอบ แจกสะบั้นหั่นแหลกไปกี่โครงการ จนหนี้สาธารณะพุ่งปรี๊ดขึ้นมา 9-10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนติดอยู่ในอันดับที่ 7 ของโลก ด้วยจำนวน 15.96 ล้านล้านบาท (ไตรมาส 1/66) ประเทศชาติไม่ถึงกับล่มจมหรอก! แต่ประชาชนอยู่กันอย่างยากลำบากยากจน และกำลังซื้อฝืด!

หรือแม้แต่ปัญหาในอดีตของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการขาดทุนสะสม ขาดทุนเพราะการต่อสู้กับค่าเงิน ทำให้ประเทศชาติล่มจมหรือเปล่า? ผู้บริหารธปท.ต้องรับผิดชอบหรือไม่ คำตอบก็รู้ ๆ กันอยู่

วกกลับมาที่เงินดิจิทัลวอลเล็ต คนของธปท.-สภาพัฒน์ บอกว่าปัจจุบันกำลังซื้อในประเทศสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนของธปท.-สภาพัฒน์ เอาข้อมูลอะไรมาเป็นตัวชี้วัดว่ากำลังซื้อในประเทศดีแล้ว! คนของธปท.-สภาพัฒน์ ที่มีเงินเดือนหลายหมื่นบาท-เป็นแสน ๆ บาท เคยไปเดินตลาดสด ตลาดนัด เคยไปเดินดูบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในต่างจังหวัดหรือไม่?

เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์การเติบโต “จีดีพี” ปี 66 จากเดิมเติบโตระหว่าง 2.7-3.7% เหลือแค่ 2.5-3% ส่วนธปท. คาดว่าจีดีพี ปี 66 อาจโตต่ำกว่าคาดที่ 3.6% เมื่อสภาพเป็นแบบนี้ แล้วกำลังซื้อจะสูงตรงไหน?

ส่วนคนของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หนุนให้ทำโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปีหน้า เพราะตอนนี้รัฐบาลนายเศรษฐาใช้แต่ “งบกลาง” จากรัฐบาลที่แล้วเหลือทิ้งไว้ให้ ส่วนงบปี 67 ยังไม่เสร็จ ยังไม่มาเลย! กว่างบปี 67 จะมา และเริ่มมีการจัดซื้อ-จัดจ้างของภาครัฐ ก็ปาเข้าไปกลางปี 67 นั่นแหละ!

งบปี 67 ล่าช้า! และไม่มีโครงการใหญ่ ๆ มากระตุ้นก่อน! เศรษฐกิจจะซึมลากยาวไปเรื่อย ไม่เป็นผลดีกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมทั้งคนที่มีหนี้สิน ยกเว้นพวกที่มีเงินเดือนหลายหมื่น เป็นแสน ๆ หรือหลายแสนบาท คนกลุ่มนี้กำลังซื้อไม่ตก ไม่เดือดร้อนอะไรกับเขา!!

———————
พยัคฆ์น้อย