ยากลุ่มพีดีอี 5 ไอ หรือที่เรียกว่ายาเฉพาะกิจเป็นยากินที่ใช้ในการรักษาอาการอีดี แม้ว่าการใช้ยากลุ่มดังกล่าวจะง่าย แต่ก็พบปัญหาจากการใช้ยากลุ่มนี้ ปัญหาสำคัญ ปัญหาแรกไม่รู้จักผลข้างเคียงของยา ยาดีต้องใกล้ชิดรู้จักถึงผลข้างเคียงเพราะยาทุกตัวมีอาการผลข้างเคียงดังนี้ กินยาแล้วใจสั่น หน้าแดงคล้ายคนกินเหล้า อาการจมูกคัดเช่นคนเป็นหวัด สายตามองแสงไฟจะจ้ามาก ตาพร่า แม้แต่หลังร่วมเพศอาจจะพบปัญหาอีกเช่นมีอาการปวดหัว ปวดหลัง ปวดแขนขา บ้างมีอาการแน่นท้อง แก๊สในท้องมาก อาการข้างเคียงเหล่านี้ จะพบได้ 2-3% ส่วนมากคนไข้จะไม่ทราบล่วงหน้า ทำให้ตกใจหยุดยา ไม่กล้าใช้ต่อก็เป็นอุปสรรคของการรักษา

ปัญหาที่สอง คือ เรื่องผิดสีหลงสีเป็นอุปสรรคใหญ่ การหลงสีพบว่าสีของยาก็มีส่วนทำให้คนไข้หลงสีเช่นกัน เช่นเริ่มจากใช้ยาเฉพาะกิจสีฟ้า พอมีการเปลี่ยนแปลงพบว่าน้ำตาลสูงมาก ไขมันสูง ต้องเปลี่ยนยาเป็นอีกชนิดที่มีสีอื่น เช่น สีเหลือง เม็ดมีรูปร่างคล้ายหยดน้ำฝนคนไข้ก็จะไม่ตอบสนองต่อยาทันที ทั้ง ๆ ที่เป็นยากลุ่มเดียวกันหมด แถมยังออกฤทธิ์ได้นานถึง 36 ชั่วโมง เป็นประโยชน์แก่คนไข้กลุ่มน้ำตาลสูง จะช่วยฟื้นการแข็งตัวได้นานอีกชนิดเป็นยาแบบที่ 3 ที่ออกฤทธิ์ได้ 24 ชั่วโมง แต่มีสีแตกต่างออกไปคือเป็นสีส้มแจ๊ด และเม็ดเป็นรูปร่างกลมอีก คนไข้จะหลงสี ไม่มั่นใจในยาอีก ทั้งที่ประโยชน์ของยาส้มสามารถอยู่ได้นาน 24 ชั่วโมง และออกฤทธิ์ได้เร็วแค่ 30 นาที ก็ได้ผลแล้ว

ปัญหาที่สาม คือ กลุ่มที่ตื่นเต้นง่ายพอใกล้ชิดกับผู้หญิงก็มีอาการมือไม้อ่อนเหงื่อออก พานให้ส่วนอื่นงอหงิกอ่อนตัวไปด้วย ผิดสีผิดกลิ่น มักจะทำให้เกิดเหตุขายหน้าแบบไม่คาดฝัน วิธีแก้ไขให้ใช้ยาชนิดฟื้นฟูใช้ในลักษณะป้องกันและรักษาจึงจำเป็นต้องกินประจำทุกวัน ก็จะมีผลทำให้เส้นเลือดขยายตัวสม่ำเสมอ แต่มีประโยชน์ช่วยลดความตื่นเต้นได้ เมื่อเปรียบเทียบกับยาเฉพาะกิจที่ใช้กินก่อนมีเพศสัมพันธ์ ที่มักจะไม่ได้ผลในบางคน ก็เพราะเกิดอาการตื่นเต้น เป็นอุปสรรคคือกลัวมากไป กลัวว่ากินยาแล้วจะไม่ได้ผลดั่งใจ

ดังนั้นการรู้ลึกถึงผลข้างเคียง รู้เรื่องผิดสี รู้ปัญหาความตื่นเต้น ช่วยให้ชายเหนือชายและกลายเป็นแมนมากขึ้น สุดท้ายสำคัญมากคือ ต้องให้หาสาเหตุการอ่อนตัวให้ได้ ถึงจะเป็นการรักษาที่ถูกต้องที่สุดก่อนจะกินยาเฉพาะกิจ เพราะว่าถ้าเป็นโรคหัวใจแล้วกินยาชนิดมีสารไนเตรท (Nitrate) ก็กินยาเฉพาะกิจไม่ได้ เป็นต้น

———————–
ดร.อุ๋มอิ๋ม