ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกที่มีจำนวนผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจำนวนมาก เรื่องนี้ พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ หัวหน้าโครงการขับเคลื่อนไทยสู่จักรยานยนต์ปลอดภัย และอดีตที่ปรึกษาด้านการป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ (Regional advisor WHO SEARO, Ret.) ระบุว่า ตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้บาดเจ็บสาหัส จากอุบัติเหตุทางถนน เฉลี่ย 228,740 คน และในทศวรรษที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เฉลี่ย 17,914 คนต่อปีและมีผู้พิการอีกกว่า 10,000 คน
แม้จะมีมาตรการต่าง ๆ ภายใต้แผนแม่บทยุทธศาสตร์แห่งชาติ ประเด็นโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนก่อนปี 2570 ที่จะถึงในอีกไม่ถึง 3 ปีข้างหน้านี้ ข้อมูลจากสถาบันวิจัยพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI ระบุว่า แผนแม่บทฯ ฉบับที่ 5 มุ่งเน้นการจัดการกับความเสี่ยงหรือภัยคุกคามสำคัญของประเทศอย่างจริงจัง เร่งด่วน ซึ่งครอบคลุมประเด็นผู้ใช้รถใช้ถนนทุกกลุ่ม โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และกลุ่มผู้เดินทางที่มีความเปราะบางเป็นสำคัญ ซึ่งพบว่า 3 กลุ่มเสี่ยงสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้แก่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สูงอายุ และคนเดินเท้า
“ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เป็นกลุ่มแรกของความสูญเสียสูงสุด และในทศวรรษที่ผ่านมา สัดส่วนผู้เสียชีวิตที่ขับขี่รถจักรยานยนต์คิดเป็น 74.5% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และในปี 2565 กว่า 86.82% เป็นผู้เสียชีวิตที่ไม่สวมหมวกนิรภัย”
ส่วนสัดส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้สูงอายุประมาณ 1 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และจำนวนผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 5.45% ซึ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มเสี่ยงผู้ใช้รถใช้ถนนกลุ่มอื่น ๆ
ขณะที่คนเดินเท้ามีจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 3 รองจากผู้ขับขี่ที่เป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ ในช่วงปี 2561-2565 มีผู้เสียชีวิตจากการเดินเท้าเฉลี่ยเดือนละ 32.97 คน หรือมีผู้เสียชีวิตจากการเดินเท้าอย่างน้อยวันละ 1 คนทุกวัน
ทั้งนี้ ภายใต้แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติ มีเป้าหมายการลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือเท่ากับ 12 คนต่อประชากรแสนคน หรือ 8,478 คน ในปี 2570 ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นอยู่แบบทุกวันนี้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่พยายามออกมาตรการที่จะช่วยปกป้องชีวิตของประชาชนแล้ว โอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย.