พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ที่ 1 ผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมกับความสนุกสนาน ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ตามความคาดหมาย ต่อไปนี้คือ 5 ประเด็นน่าสนใจ ที่เรามองเห็นในสัปดาห์แรก

1) ลุ้นแชมป์สนุกแน่

ว่ากันว่า ทีมลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้มีอยู่ 4 ทีม นั่นคือ แมนฯ ซิตี, เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ซึ่งในเกมแรกที่ผ่านไป มีเพียง “แชมป์เก่า” เรือใบสีฟ้า ที่ประสบความปราชัย ส่วนที่เหลือคว้าชัยชนะได้หมด แถมเป็นชัยชนะที่สวยสดงดงามเกินคาดด้วยซ้ำไปด้วย

สำหรับ แมนฯ ซิตี แม้จะแพ้ แต่ก็แพ้ต่อทีมระดับมีเกรดอย่าง “สเปอร์ส” ที่พวกเขาบุกไปแพ้ที่บ้านมา 2 ฤดูกาลติด ดังนั้น จะว่าไป มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถึงกับช็อกอะไรมาก อีกอย่างพวกเขาก็ยังไม่พร้อมเท่าไหร่ด้วย เพราะตัวหลักหลายคนยังไม่ฟิต หลังไปรับใช้ทีมชาติในช่วงซัมเมอร์ และอย่าลืมว่า ฤดูกาลที่แล้ว ที่ทิ้ง แมนฯ ยูไนเต็ด 12 แต้ม แมนฯ ซิตี ก็ออกสตาร์ทไม่ดีเช่นกัน

แต่ที่น่ากลัวชนิดเสียวสันหลังวาบเลยก็คือ ฟอร์มมหาเทพของอีก 3 ทีม ไม่ว่าจะเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไล่ยำ ลีดส์ 5-1, เชลซี ที่ถล่ม พาเลซ 3-0 หรือ ลิเวอร์พูล ที่บุกยิง นอริช 3-0 เพราะนอกจาก สกอร์ที่ออกมาจะสวยงามแล้ว รูปแบบการเล่น ความกระหาย ฟอร์มนักเตะ หรือพูดง่ายๆคือมวลรวมของแต่ละทีมนั้นช่างดูลงตัวเหลือเกิน

และที่ต้องทำเครื่องหมายดอกจันอันใหญ่ๆเอาไว้ด้วยก็คือห้ามลืมว่าทั้ง 3 ทีม ยังไม่พร้อมสมบูรณ์เต็มที่ด้วยซ้ำ โดย ผีแดง อาจมี เจดอน ซานโช นั่งสำรอง แต่ ราฟาแอล วาราน เพิ่งเปิดตัว, เชลซี ยังไม่มี โรเมลู ลูกากู ที่ยังกักตัว และ ลิเวอร์พูล เรายังไม่เห็น อิบราฮิมา โกนาเต แถม เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ยังไม่ฟิตเต็มร้อยนัก

บวกกับความคั่งแค้นของ แมนฯ ซิตี ที่แพ้ตั้งแต่เกมแรก การลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้ ต้องบอกว่า เดือดปุดๆตลอด 9 เดือนแน่นอน

2) อนาคต แฮร์รี เคน ?

แฮร์รี เคน ไม่มีชื่อทั้งในทีม ทอตแนม ฮอตสเปอร์ และ แมนน ซิตี ในเกมที่ทั้งคู่พบกัน

และต่อเนื่องจากข้อแรก ความพ่ายแพ้ของ แมนฯ ซิตี เกมนี้ อาจไปกระตุกต่อมบางอย่างของ เปป กวาร์ดิโอลา และเจ้าของสโมสร ให้ต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะชัดเจนแล้วว่าเส้นทางการป้องกันแชมป์ ดูแล้วไม่ง่าย ซึ่งสิ่งต้องทำที่ว่า อาจจะเป็นการเร่งคว้าตัว แฮร์รี เคน มาร่วมทีม

ถึงยังมีเวลาจนกว่าตลาดจะปิดตอนสิ้นเดือน แต่ถ้าไม่เร่งมือปิดดีลตอนนี้ อาจจะไม่ทัน เพราะรู้กันดีว่า ประธานจอมเขี้ยวของสเปอร์สอย่าง ดาเนียล เลวี เจรจาด้วย ยากสุดๆ ตอนนี้ ความได้เปรียบจึงไปอยู่ที่ฝั่ง สเปอร์ส เพราะ แมนฯ ซิตี กำลังอยากได้ แม้ใจนักเตะจะลอยไปเอติฮัดแล้ว แต่ถ้าไม่ทุ่มจริงๆ โอกาสสมหวังไม่ง่าย

อีกอย่างเริ่มมีข่าวด้วยว่า สเปอร์ส ยื่นสัญญาใหม่ให้ เคน พิจารณาแล้ว ถ้าหากยังยึกยัก สงวนท่าที ไม่ยอมจ่ายตามที่ สเปอร์ส ต้องการ ดูแล้ว อาจจะยาก เพราะ เลวี ยืนยันมาตลอดตั้งแต่แรกว่า ถ้าได้ไม่ถึง 150 ล้าน ก็ไม่มีทางปล่อย สรุปง่ายๆก็คือ เคน จะได้ย้ายหรือไม่ ก็อยู่ที่ แมนฯ ซิตี จะยอมปล่อยหรือไม่นั่นเอง

3) แฟนกลับเข้ามาบรรยากาศคนละเรื่อง

ตั้งแต่เกมแรกที่เปิดให้แฟนบอลเข้าชม เราก็ได้เห็นแบบชัดเจนชนิดไม่ต้องมีภาพช้าตัดสินว่า ฟุตบอลคือแฟนบอลอย่างแท้จริง พอเปิดให้แฟนบอลทุกทีมเข้ามาเชียร์ทีมรักได้แบบเต็มสตรีม บรรยากาศของฟุตบอลก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากช่วงเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา จนหลายคนบอกว่า แบบนี้สิ ถึงเรียกว่าฟุตบอล ก่อนหน้านี้ เพียงแค่เตะให้เก้าอี้ดู

นอกจากบรรยากาศ ที่สนุกสนานมากขึ้นในทุกสนามแล้ว แน่นอนว่า แฟนบอลย่อมมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นผู้เล่นให้กระหาย สู้ตาย และทำอะไรในสิ่งที่เราไม่คาดคิดได้มากขึ้น ตัวอย่างคือเกมเปิดฤดูกาล ที่แฟนบอล “เดอะ บีส์” ของ เบรนท์ฟอร์ด แห่งเข้ามาชมเกมกับ อาร์เซนอล เต็มสนาม เพราะเป็นการเล่นพรีเมียร์ลีกเกมแรก และเล่นในลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 74 ปี นักเตะจึงสู้ตาย และพลิกล็อกเอาชนะ ปืนใหญ่ ได้ถึง 2-0

น่าห่วงอย่างเดียวคือ ไม่รู้ว่ามาตรการ การป้องกันโควิดของแต่ละทีม แต่ละสนาม ดีแค่ไหน ถ้าหากเกิดการระบาดหนักกันขึ้นมาอีก อาจจะต้องลดจำนวน หรือกลับไปเตะแบบปิดเหมือนเดิมได้ ฤดูกาลนี้ อะไรๆจึงยังไม่แน่นอนนัก แต่ก็หวังใจว่าแฟนบอลจะเข้าชมได้จนจบฤดูกาล

4) น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์

ใน 3 ทีมน้องใหม่ มีเพียง นอริช ทีมเดียวที่แพ้ คือแพ้คาบ้านต่อทีมลุ้นแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล 0-3 ขณะที่อีก 2 ทีม ชนะหมด นั่นคือ เบรนท์ฟอร์ด ที่ชนะ นั่นคือ เปิดรังอัด อาร์เซนอล 2-0 และ วัตฟอร์ด ที่เฉือน แอสตัน วิลลา 3-2 นี่จึงอาจจะเป็นอีกปี ที่ต้องบอกว่า น้องใหม่เหล่านี้ไม่ธรรมดา

เบรนท์ฟอร์ด เล่นพรีเมียร์ลีกเกมแรกในประวัติศาสตร์ และได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง พวกเขาจึงทุ่มเทสุดชีวิต และได้รางวัลตอบแทน แต่จะว่าไป ทีมของ โธมัส แฟรงค์ ก็ถูกจับตามองอยู่แล้ว เพราะกุนซือมาดร็อกเลือดเดนส์ ทำทีมได้ดี ยืนระยะมาหลายปีแล้ว ทั้งระบบทีม และนักเตะจึงอยู่ในระดับประมาทไม่ได้ คู่แข่งทีมไหนไม่เตรียมตัวให้ดี อาจโดนเหมือน อาร์เซนอล

ส่วน วัตฟอร์ด เรื่องประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกไม่ต้องพูดถึง เพราะขึ้นๆลงๆบ่อย แต่ปีนี้มาดีน่าจับตา เพราะพวกเขารู้แล้วว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน และการชนะทีมที่ฤดูกาลที่แล้วฟอร์มดีอย่าง วิลลา ถือว่าไม่ธรรมดา ขณะที่ นอริช แม้จะแพ้ ลิเวอร์พูล แต่ว่าแต่ละประตูที่เสีย มาจากความผิดพลาดส่วนตัว และลูกตั้งเตะ ทรงเกมโดยรวมถือว่าต่อเกมสู้กับหงส์แดงไม่เลว ถ้าหากลดความผิดพลาดลงได้ ดาเนียล ฟาร์ค อาจมีลุ้นพาทีมอยู่รอด

5) ฤดูกาลอันน่าตื่นเต้น

นอกจากผลงานของทีมที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกหลายทีมที่น่าสนใจ เริ่มจากโซนบนอย่าง เลสเตอร์ ที่ยังแกร่ง เฉือน วูล์ฟส์ 1-0 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจิ้งจอกสยามไม่ได้มาเล่นๆ และมีลุ้นสอดแทรกกลุ่มท็อป 4 ได้แน่ หรือ สเปอร์ส ที่ไม่มี เคน แต่มี ซน ฮึง มิน ยิงประตูชัย พาทีมพลิกชนะ แมนฯ ซิตี รวมถึง เวสต์แฮม ที่เจองานหนักกับ นิวคาสเซิล แถมโดนนำ 2 รอบ แต่กลับมาชนะขาดลอย เดวิด มอยส์ และลูกทีม จึงยังห้ามมองข้าม

แต่ที่น่าห่วงก็คือ อาร์เซนอล เพราะเริ่มมาก็บุกไปแพ้น้องใหม่ ดูแล้ว มิเกล อาร์เตตา งานหนักรออีกเพียบ จะซื้อไม่ซื้อใคร จะปรับทีมตรงไหน ต้องรีบทำแล้วตอนนี้ ไม่อย่างนั้น อาจต้องสังเวยด้วยตำแหน่งตัวเอง ขณะที่ทีมอย่าง เบิร์นลีย์, พาเลซ หรือ นิวคาสเซิล ก็ยังน่าอ่อนใจ เช้าชามเย็นชามเหมือนเดิม ถ้าหากยังนิ่งนอนใจแบบนี้ รู้ตัวอีกที อาจต้องหนีตกชั้น

นี่จึงเป็นพรีเมียร์ลีกอีกฤดูกาลที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพราะแค่เกมแรกก็ลุ้นสนุกซะขนาดนี้แล้ว แฟนบอลจึงรอลุ้นรับชมความมันส์ได้เลยในอีก 8 เดือนหลังจากนี้.