ในเมื่อความไม่ถูกต้องมันอยู่ตรงหน้า??…ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่างมันจะได้หรือ??“ …เสียงจาก “ยูทูบเบอร์นักตกปลา” เจ้าของฉายา “หลิว ปีศาจ” เผยความรู้สึกและแนวคิดของเขา หลังจากที่เขาได้ตกเป็น “บุคคลในดราม่า” เมื่อออกมาเคลื่อนไหว “คัดค้านการปล่อยปลาสายพันธุ์ต่างถิ่น” หรือ “เอเลี่ยน สปีชีส์” ลงใน “แม่น้ําโขง” ซึ่งมีทั้งคนสนใจติดตาม รวมถึงเป็นห่วงสวัสดิภาพยูทูบเบอร์หนุ่มรายนี้… วันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” จะพาไปทำความรู้จักกับชายคนนี้ให้มากขึ้น…

“หลิว ปีศาจ” ชายคนนี้มีชื่อจริงว่า “อาลลี มงคลสวัสดิ์” หรือชื่อเล่นว่า “อลี” โดยฉายา “หลิว ปีศาจ” นั้น เขาเล่าว่า เป็นฉายาที่เพื่อน ๆ ตั้งให้ เพราะเห็นว่าเขาชำนาญการตกปลาด้วย “คันเบ็ดชิงหลิว” ชนิดที่เรียกว่าหากแข่งเดิมพันตกปลาด้วยเบ็ดชิงหลิวเมื่อใด เขาเป็นต้องได้รับชัยชนะตลอด จนเพื่อน ๆ ตั้งฉายานี้ให้กับเขา และเขาก็ชอบฉายานี้ จึงใช้เป็นชื่อในวงการตกปลามาโดยตลอดจนถึงวันนี้ ขณะที่ “เส้นทางชีวิต” นั้น เขาเล่าว่า เกิดและโตที่ จ.หนองคาย โดยคุณพ่อเป็นตำรวจ ส่วนคุณแม่เป็นพยาบาล ซึ่งชีวิตในวัยเด็กของเขาก็เหมือนกับเด็กต่างจังหวัดทั่ว ๆ ไป ส่วนเรื่องของการ “ตกปลา” นั้น เขาบอกว่าได้เพื่อน ๆ เป็นคนช่วยสอนให้ ซึ่งตอนที่เขาตกปลาได้เป็นครั้งแรกในชีวิต ตอนนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก หลังจากนั้นก็หลงใหลในกีฬาชนิดนี้ โดยเขามักจะปีนรั้วกำแพงบ้านพักในโรงพยาบาลที่อาศัยอยู่ออกไปตกปลากับเพื่อน ๆ ใน “แม่น้ําโขง” อยู่เป็นประจำ บางทีก็ตกปลาจนลืมเวลา กลับบ้านมาดึกดื่นจนถูกคุณแม่ลงโทษด้วยการตีไปตามระเบียบ ทั้งนี้ เขาบอกว่า ช่วงวัยเด็กใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด จนเรียนจบชั้น ม.6 จากระบบ กศน. เขาก็ไม่ได้เรียนต่อ และออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง

เอาจริง ๆ ตอนนั้นผมมีความรู้สึกมีคำถามอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า… ทำไมเราต้องเรียน? ทำไมเราต้องเชื่อในสิ่งที่เขาบอก? ทำให้เกิดการต่อต้านระบบการศึกษา …เจ้าตัวกล่าว

พร้อมเล่าให้ฟังอีกว่า ความคิดนี้อาจเป็นเพราะตอนที่อายุประมาณ 15 ปี ตอนนั้นเขาชอบเล่นสเกตบอร์ด ทำให้เริ่มมีกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เป็นชาวต่างชาติเยอะ ซึ่งนอกจากจะทำให้เขาได้ฝึกภาษาจนสามารถพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้แล้ว การใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนชาวต่างชาติแทบทุกวันก็ทำให้หล่อหลอมจนกลายเป็นคนที่มีแนวคิดแบบฝรั่ง มีความคิดเป็นของตัวเอง โดยเขายังเล่าให้เราฟังอีกว่า ช่วงนั้นเข้าบาร์เพื่อไปหาเพื่อนชาวต่างชาติทุกวัน ทั้งที่ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 100 บาท ซึ่งค่าอาหารที่โรงเรียนอยู่ที่จานละ 25-30 บาท แต่ค่าเบียร์ในบาร์นั้นตกขวดละ 80 บาท ทำให้ต้องพยายามหาเงินให้ได้ 80 บาท เพื่อนำไปเป็นค่าเบียร์ 1 ขวด เพื่อจะเข้าไปในบาร์เพื่อหาเพื่อนชาวต่างชาติ เพื่อไปฝึกภาษา ซึ่งเขาได้ทำแบบนี้มาเรื่อย ๆ จนอายุ 18 ปีก็เกิดความคิดว่า ทำไมไม่เปิดบาร์ตัวเองไปเลย? เพื่อนจะได้มาหา โดยไม่ได้คิดว่าจะทำเป็นธุรกิจหรือคิดว่าจะมีกำไรหรือขาดทุน จากนั้นจึงตัดสินใจไปขอเงินคุณแม่ 200,000 บาท เพื่อมาทำบาร์

ตอนแรกคุณแม่ไม่เห็นด้วย แต่ผมพยายามหว่านล้อมด้วยเหตุผลต่าง ๆ ว่าอยากมีธุรกิจไว้เลี้ยงดูตัวเองและได้เรียนภาษาอังกฤษด้วย จนคุณแม่ยอมให้ทุนมาเปิดบาร์ ซึ่งผมเปิดบาร์นี้ได้ 4-5 ปี ธุรกิจก็เริ่มไปไม่ไหว เพราะเพื่อนชาวต่างชาติทยอยเดินทางกลับประเทศ จนเมื่อเห็นว่าเข็นธุรกิจนี้ไม่ไหวแล้ว ผมก็เลยปิดบาร์ดังกล่าวลง …เขาเล่าถึงจุดเปลี่ยนชีวิตอีกครั้งของเขา

หลังเลิกทำบาร์ อลี หรือเจ้าของฉายา “หลิว ปีศาจ” ก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเสเพลเหมือนช่วงวัยเด็ก จนอายุ 26 ปี เขาก็มีแฟน ทำให้ต้องเริ่มมองหาอาชีพทำเพื่อหารายได้ ซึ่งแฟนให้เขามองหาบ้านเช่าริมแม่น้ําโขง จนไปเซ้งบาร์ได้ร้านหนึ่ง และกลับมาเปิดบาร์ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งด้วยความที่มีเพื่อนเยอะ และตัวของแฟนก็มีเพื่อนเยอะ ทำให้กิจการไปได้ดี และช่วงนั้นก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนชาวเยอรมันที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์ เขาก็เลยได้ไปเข้าแก๊งขับชอปเปอร์กับเพื่อนชาวเยอรมัน

ธุรกิจกำลังไปได้ดี จนมาเจอกับช่วงโควิด-19 ธุรกิจก็เริ่มไปต่อไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจปิดร้านไปเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา และเริ่มมองหาอะไรใหม่ ๆ ทำเพื่อสร้างรายได้ ที่สุดก็เลยผันตัวเองมาเป็นยูทูบเบอร์สายตกปลา …เจ้าตัวบอกถึงจุดเริ่มต้นการเป็น “ยูทูบเบอร์สายตกปลา” ที่ได้ใช้ชื่อช่องว่า “หลิว ปีศาจ” พร้อมกับกล่าวว่า…

การตกปลาเป็นเรื่องที่ชอบตั้งแต่เด็ก จึงคิดว่าน่าจะนำสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัดมาทำเป็นคอนเทนต์ลงยูทูบ เพราะผมคิดว่าการทำอะไรที่เป็นตัวเองจะง่ายที่สุด ซึ่งถ้าทำได้ประสบความสำเร็จก็จะมีรายได้ ซึ่งจริง ๆ ลำพังตัวเองก็ยังทำไม่เป็นหรอก แต่ได้เพื่อนที่เป็นยูทูบเบอร์มาสอนทำคลิป สอนตัดต่อภาพให้ จากนั้นก็ตัดสินใจนำเงินเก็บมาลงทุนซื้ออุปกรณ์จำนวน 200,000 บาท และก็ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ซึ่งทุน 200,000 บาทที่ลงไป ปรากฏทำยูทูบ 3 เดือน ได้รายได้ก้อนแรกมา 3,000 บาท (หัวเราะ) จนแฟนถามว่าไหวมั้ย?? …เขาเล่าเรื่องนี้แบบขำ ๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อแฟนถามเรื่องนี้กับเขา อลี ก็ได้บอกกับแฟนไปว่า ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ถ้าตั้งใจจริง“ โดยเขาไม่หยุดทำคลิป-ทำคอนเทนต์ ซึ่งบางคลิปที่ทำก็มียอดคนกดดูมากมาย ขณะที่บางคลิปก็แทบไม่ได้รับความสนใจเลย จนทำไปได้สักระยะหนึ่ง ช่องของเขาก็เริ่มมีคนติดตามจำนวนหนึ่ง จนมีจุดพลิกผันในชีวิตกับเส้นทางยูทูบเบอร์ในที่สุด

คลิปที่ปล่อยออกไป ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เราไม่เลิก จนมีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นยูทูบเบอร์บอกว่า จะมีคลิปหนึ่งที่จะทำให้เราเป็นที่รู้จัก แต่ไม่รู้หรอกจะเป็นคลิปไหน ผมก็คิดว่านี่เป็นความจริง ก็เลยพยายามทำออกมาเรื่อย ๆ เพราะผมมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว ไม่เคยถูกสอนให้กลัวหรือยอมแพ้ ไม่ว่าจะเรื่องไหนทุกเรื่องในชีวิต …เขาระบุ

ลุค “หลิว ปีศาจ” กับ “โฉมหน้าชัด ๆ”

ทั้งนี้ คลิปที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ทำให้ชื่อ “หลิว ปีศาจ” ถูกโฟกัสมาก คือการที่ เขาออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการนำพันธุ์ปลาที่ไม่เหมาะสมปล่อยลงแม่น้ําโขง โดยเฉพาะ “ปลาสายพันธุ์ต่างถิ่น” หรือ “เอเลี่ยน สปีชีส์” อย่างเช่น ปลาไหล ปลาดุก ปลาช่อน เนื่องจากเขามองว่าเป็นการทำลายระบบนิเวศเดิม เพราะเมื่อนำปลาพวกนี้ปล่อยลงไป ปลาที่เป็น “เอเลี่ยน สปีชีส์” สำหรับแม่น้ําโขง ก็จะไปกินลูกปลาพื้นถิ่นจนหมด ส่วน “จุดเริ่มต้นดราม่า” เรื่องนี้เขาเล่าย้อนว่า เกิดจากตอนที่ไปตกปลาริมน้ําโขงเพื่อทำคลิปลงยูทูบ ซึ่งวันนั้นขณะนั่งตกปลาอยู่ก็มีเด็กวัยประมาณ 10 ขวบเดินมาพร้อมร้องไห้ เขาจึงถามเด็กคนนั้นว่าเป็นอะไร เด็กก็บอกว่าไปตกปลาข้างแพแล้วถูกคนบนแพด่า และไล่ไม่ให้ตกปลาแถวแพที่ขายปลาให้นักท่องเที่ยวซื้อปล่อยลงแม่น้ํา เมื่อได้ฟังก็ทำให้วิญญาณการไม่ยอมคนเข้าสิง และเขาก็มองว่าจะมาด่าเด็กทำไม เขาก็เลยเดินไปใกล้แพแล้วเอาเบ็ดลงไปตกปลาตรงนั้นเพื่อจะดูว่าจะโดนด่าไหม ซึ่งหลังหย่อนเบ็ดลงน้ํานับ 1 ยังไม่ถึง 3 สุดท้ายก็โดนด่าจริง ๆ แต่ด้วยความไม่ยอมคน จึงทำให้เขาและเจ้าของแพนั้นเกิดการทะเลาะโต้เถียงกัน 

คนบนแพบอกว่าตรงนี้เป็นเขตอภัยทานตกปลาไม่ได้ ผมก็เก็บข้อมูลทดไว้ในใจ 1 ข้อ แล้วก็ถามเขากลับไปว่าทำไมตกไม่ได้ ตรงนี้แม่น้ําโขงนะ ผมก็ตกมาตั้งแต่เด็กแล้ว เขาก็บอกว่าตรงนี้เป็นเขตวัด คนเขามาปล่อยปลา ซึ่งเขตวัดนี่ก็เป็นข้อมูลอีก 1 ข้อ ที่ผมเก็บข้อมูลไว้ ซึ่งวันนั้นเราก็ไม่ได้อะไรต่อ ก็เดินกลับบ้านเลย แต่ในใจคิดไว้แล้วว่าวันข้างหน้าคงได้เจอกันแน่ …ยูทูบเบอร์คนดังกล่าว

ก่อนจะเล่าต่อว่า พอกลับถึงบ้าน เขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่า จ.หนองคาย มีเขตอภัยทานกี่ที่ ซึ่งพบว่ามีอยู่ 3 ที่ โดยในแม่น้ําโขงมีอยู่จุดเดียวอยู่ที่วัดหายโศก ซึ่งที่ตรงแพที่เขาขายปลานั้นไม่ใช่เขตอภัยทาน เขาก็เลยค้นข้อมูลต่อว่าตรงนั้นเป็นเขตวัดหรือไม่ ก็พบว่าไม่ใช่อีก แต่บริเวณนั้นมีเจดีย์ที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้วเพื่อทดแทนเจดีย์เก่า และเมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ววันต่อมาเขาจึงกลับไปที่แพนั้นอีก

กับแก๊งเพื่อน ๆ

กลับไปอีก แล้วก็ถูกด่าอีก แต่ผมก็ยังนิ่ง ๆ อยู่ จนครั้งต่อมาผมก็ไปอีก แต่คราวนี้ผมเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวเยอะ ผมก็เริ่มโต้เถียงเลย ไม่สนใจคำไล่ของเขา จนเขาเรียกตำรวจให้มาจับผม ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คนลงมา ผมก็ชี้แจงตามข้อมูลที่มี ก็ไม่มีอะไร จากนั้นก็แยกย้ายกันไป วันต่อมาก็มีหนังสือเชิญให้ไปร่วมประชุมหาข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งการที่ไปตกปลาข้างแพคนกลุ่มนั้น จริง ๆ เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้านที่มีการนำสายพันธุ์ปลาที่ไม่สมควรนำมาปล่อยลงแม่น้ําโขง ซึ่งบางคนอาจมองว่าไม่ควรไปขัดความเชื่อความศรัทธา แต่ผมมองว่าสิ่งที่ผมต่อต้านอยู่เป็นความจริง ซึ่งความจริงนี้เป็นเรื่องส่วนรวมด้วย ผมก็เลยต้องแสดงออกว่าไม่โอเค

ในการประชุมพูดคุยกันครั้งนั้น ยูทูบเบอร์หนุ่มรายนี้บอกว่า สุดท้ายก็ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรชัดเจน โดยเขาเองหลังจากการประชุมครั้งนั้นก็มีโอกาสได้ไปพูดคุยกับคนที่มีอำนาจในเรื่องนี้จำนวน 3 คน แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป จนมีคนหนึ่งโทรศัพท์มาบอกกับเขาว่าเราไม่มีสิทธิไปห้ามคนขายปลาเพื่อนำไปปล่อยเพื่อทำบุญนะ ซึ่งพอได้ยินเขาก็รู้สึกอึ้งมาก ๆ ทำให้เขาบอกกลับไปยังคนคนนั้นว่า การปล่อยปลาที่ไม่ใช่ปลาท้องถิ่นลงไปในแม่น้ําโขง สุ่มเสี่ยงจะกระทบกับระบบนิเวศเดิมนะ และก็แนะให้เขาไปสั่งระงับไม่ให้แพปลาขายปลาสายพันธุ์ต่างถิ่นก่อนสิ ทางฝั่งนั้นก็ตอบกลับมาว่าเขาไม่รู้จะเอาอำนาจอะไรไปห้ามได้ ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวในการต่อสู้เรื่องนี้อยู่แว่บหนึ่ง แต่ก็ตั้งใจจะต่อสู้เรื่องนี้ต่อไป เพื่อให้เกิดแนวทางที่เหมาะสม

ผมเข้าใจว่าความเชื่อนั้นมันไม่ได้เปลี่ยนกันง่าย ๆ และผมก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเปลี่ยนความคิดพวกเขา แต่สำหรับแม่น้ําโขง ผมกำลังจะเปลี่ยนความคิดคนรุ่นใหม่ อย่างน้อยคนที่เห็นผมแล้วมีสักครึ่งหนึ่งเชื่อในตัวผม แล้วไม่ไปอุดหนุนสิ่งที่ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม แค่นี้ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วในการนำเสนอของผม 

ทั้งนี้ “ทีมวิถีชีวิต” ถาม อลี-อาลลี หรือ “หลิว ปีศาจ” ถึงเรื่องสวัสดิภาพตามที่ผู้สนใจติดตามเขาได้แสดงความเป็นห่วงไว้ ซึ่งเขาตอบเรื่องนี้ว่า… อย่างที่บอก ตั้งแต่เล็ก ๆ ผมไม่เคยถูกสอนให้กลัวหรือให้ยอมแพ้ สำหรับผมเรื่องนี้ก็ไม่เชิงกลัว แม้เรารู้สึกว่าความปลอดภัยไม่มีอยู่แล้ว ใครจะมาทำอะไรเราตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็พร้อมสู้ ในเมื่อความไม่ถูกต้องมันลอยอยู่ตรงหน้า??…

ถ้าไม่ทำอะไร…มันทนไม่ได้!!

‘ขอแค่เปลี่ยน!!’ มิใช่จะให้ปิด

“หลิว ปีศาจ” หรือ “อลี-อาลลี” เน้นย้ำ “เหตุผลที่ต่อต้าน” เรื่องนี้ว่า เขาไม่ได้จะให้เลิกทำเรื่องนี้ แต่ ขอร้องแค่ให้เปลี่ยนพันธุ์ปลาที่นำมาใช้ปล่อยเท่านั้น” เพราะ “ปลาที่ปล่อยตามความเชื่อนั้นไม่มีพันธุ์ใดที่เหมาะสมกับแม่น้ำโขงเลย??” ที่สำคัญในอนาคตปลาที่ปล่อยจะทำให้เกิดสถานการณ์ “ปลาต่างถิ่นรุกรานปลาท้องถิ่น” จน “กระทบระบบนิเวศ” ซึ่งถ้าไม่มีการแก้ไขหรือไม่มีการทำอะไรให้เหมาะสม “ในอนาคตแม่น้ำโขงอาจไม่หลงเหลือสายพันธุ์ปลาดั้งเดิม??”.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

ชมคลิปวีดีโอทั้งหมดได้ที่นี่