อิ่งอ้อย สิทธิวดี พิธีกรสาวชื่อดังน้องสาว อิ๋งอิ๋ง สิทธิณี ที่ตอนนี้พี่สาวกำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย พร้อมโพสต์ข้อความสั่งเสีย และแฉอดีตสามี งานนี้ทางครอบครัวและน้องสาวต้องให้กำลังใจตลอด พร้อมทั้งพี่อิ๋งอิ๋งโฟนอินเข้ามาตอบคำถามทุกประเด็น ทั้งเรื่องอดีตสามีสวมเขา หรือแม้แต่รสนิยมทางเพศของอดีตสามี พร้อมเปิดตัวลูกสาวคนสวยอิ่งอ้อย ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW ทางวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ ชมพู่ ก่อนบ่าย และอาจารย์เป็นหนึ่ง ดำเนินรายการ
อิ่งอ้อย เผยว่า “อาการของพี่อิ๋งตอนนี้มะเร็งลามไปหมดแล้ว จิตใจเราก็ต้องบิวต์ให้เค้าไปข้างหน้าต่อได้ เริ่มแรกมาจากรังไข่ ลามเข้าช่องท้องเข้าปอด ตอนนี้ต่อมน้ำเหลืองแล้ว ทำคีโมก็ต้องผมร่วงแพ้พิษคีโมสภาพผิวไหม้หมด ในครอบครัวเค้าไม่ยอมบอกใครว่าเค้าเป็นมะเร็ง วันงานศพคุณแม่เค้าเองนั่งรถเข็น ทุกคนที่มางานก็ถามว่าทำไมพี่สาวต้องนั่งรถเข็น เราก็บอกว่าเค้าไม่ได้เป็นอะไร เค้าเป็นโรคร้ายแต่เค้าไม่พูดว่าเค้าเป็น พอเผาศพคุณแม่เสร็จหมด เราต้องรู้ให้ได้ มันคาใจ เค้าไม่บอกว่าเค้าเป็นอะไร ด้วยวิธีของพี่คือ พี่ส่งเมสเซนเจอร์ไปโรงพยาบาลรามาธิบดี บัตรประชาชนเค้าไปคัดประวัติ แต่พี่พอดูออกที่หมอเขียนว่ามะเร็งระยะที่ 2 แต่เค้าปิดมาตลอดไม่ยอมบอก เราช็อกไปเลยว่ามะเร็งขั้น 2 แต่ทำไมไม่รักษา คำตอบที่ได้คือเงียบ มีคนอื่นที่เค้ารู้แต่ไม่ยอมบอกเรา เพราะเค้าสั่งให้ปิดเราไม่รออยู่แล้ว ไม่รอที่ว่าเค้าจะรักษาหรือไม่รักษา เพราะสุดท้ายก็ต้องรักษา คนที่เป็นมะเร็งไม่ว่าขั้นไหน ถ้าเริ่มรักษาดูแลตัวเองก็มีสิทธิที่จะหายได้ หรือไม่คุณก็จะมีอายุที่มันยืนยาวไปอีก ทำไมจะไม่อยู่ด้วยกันล่ะ เราก็แปลกใจว่าทำไมเค้าไม่พูด เรามีพี่น้อง 3 คน แล้วเราก็รักกันนะใครเป็นไรเราต้องรู้ เค้าป่วยแต่เราไม่รู้ว่าเป็นมะเร็ง เพราะว่าเค้า SLE ด้วย เราคิดว่าเค้าเป็นโรคพุ่มพวง ไม่คาดคิดว่าเค้าจะเป็นมะเร็ง”
“เรื่องแฟนเขา พี่อิ๋งเสียใจค่ะ เสียใจมาก เพราะว่าเค้ายึดติดกับคนๆ เดียว พอตรงนั้นหายไป เค้าเสียใจมาก นาทีนี้เป็นโรคมะเร็งก็ร้ายแรงแล้ว ต้องเริ่มรักตัวเอง มุมมองการใช้ชีวิตเราก็มีครอบครัว เรารู้ว่ามีสามีใช่ แต่เราก็ต้องรักตัวเอง เราไม่รู้ข้างหน้าคนที่เรารักมากที่สุด หรือรักเราที่สุด ณ เวลานี้ ถ้าข้างหน้าเค้าเปลี่ยนไปเราต้องอยู่ได้ไง เราต้องมีชีวิตที่จะเดินต่อไปโดยที่ไม่มีเค้าก็ได้ แต่มุมมองของพี่ต้นนี้คือว่าคนที่เค้าเข้ามาอยู่ด้วยกันน้อยกว่าที่เราอยู่ร่วมกันอีก กับผู้ชายอยู่แค่ 15 ปี”
ด้าน อิ๋งอิ๋ง เผยผ่านการโฟนอินว่า “อาการตอนนี้แข็งแรงดีค่ะ หลังคีโมเหนื่อยมากค่ะ คีโมทีหนึ่งอยู่บนเตียง 14 วัน เราทานได้ปกติแต่ไม่อยากทานค่ะ และเราก็ยังอยากทำงานอยู่ค่ะ เพราะเดี๋ยวหยุดหายใจคงไม่ได้ทำงานอีก สภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นค่ะ รู้สึกว่าโลกมันโหดร้าย โหดร้ายกว่าที่เราคิดเยอะ โลกกับมะเร็งก็ร้ายพอๆ กันค่ะ แต่มะเร็งเป็นเพื่อนเรา เราบอกตัวเองว่าเราเป็นหวัด หลอกตัวเองว่าเป็นหวัดทุกวันเดี๋ยวก็หาย คิดอย่างนี้บอกกับตัวเอง ส่วนที่น้องบอกว่าอย่ามาตายเพราะผู้ชายคนเดียว ไม่ได้คิดว่าจะตายเพราะผู้ชายคนเดียว เค้าไม่มีค่าพอ”
“ที่โพสต์ข้อความลงโซเชียลมันเป็นที่สุดของชีวิตแล้ว ได้ฝากเป็นบทเรียนให้ใครหลายคน เป็นข้อคิด ทุกๆ 1 ปี พอครบรอบมันจะขึ้นมา คิดว่าจะเขียนไว้เป็นบันทึกความทรงจำของผู้หญิงคนนึงที่เจอกับเรื่องราวร้ายๆ แค่นั้นเองค่ะและอิ๋งเองก็เปย์สามีหนักมากมา 15 ปีที่แต่งงานกัน ไม่เคยให้สามีทำงานเลย เงินเดือนเดือนละครึ่งแสน น้องเราเขาไม่ค่อยยุ่ง หรือพูดของอะไรเท่าไหร่ เวลามีปัญหาน้องถึงเข้ามาพูด อย่างที่เขานอกใจคือเค้าลืมปิดสปีคเกอร์โฟน ถ้าเกิดเค้าออกไปข้างนอกจะไม่รับสายใครเลย ต่อให้บ้านจะมีปัญหาพ่อเค้าจะเจ็บหรือจะล้ม เค้าจะไม่รับสายใครทั้งนั้นถ้าออกไปข้างนอกและเขาก็มีเรื่องของรสนิยมทางเพศด้วย 15 ปีที่ผ่านมาเวลามันผ่านไปเร็วมากจนเราไม่รู้ตัว วันๆ พี่ทำงานเดินทางไปโน่นไปนี่ก็ไม่ได้ใส่ใจต่างคนต่างอยู่คนละห้องอยู่แล้ว ไม่ได้คิดไรเยอะแยะ แค่เป็นเพื่อนกันก็พอใจแล้ว ที่เค้าขนของออก เพราะพี่ไล่เค้าออกจากบ้านด้วย เพราะพี่รับเค้าไม่ได้ ถามเค้าแล้วว่าเค้าจะเลือกใครระหว่างพี่กับผู้หญิงคนนั้น เค้าเลือกหมอนวด เลือกหมอนวดก็ไปเลย”
“พอรู้เขานอกใจเราไม่ได้ทนเลยค่ะ ทราบวันนั้นไล่วันนั้นเลย เค้าก็ไปเลย เพราะว่าให้เค้าเลือกแล้วว่าเลือกเราหรือผู้หญิงคนนั้น ถ้าเค้าเลือกผู้หญิงคนนั้นก็ต้องออกไป แต่เค้ายื้อค่ะ แต่ว่าเรารับไม่ได้ และอิ๋งก็ไม่อโหสิกรรมค่ะ ทุกภพทุกชาติค่ะ อยากฝากถึงอดีตสามีว่า 15 ปีที่อยู่ด้วยกัน ไม่มีความดี ไม่มีความพอใจ ไม่มีความพอเพียงเลยหรอ อยากถามเค้าแค่นี้ให้ไปยังเยอะไม่พอใช่มั้ย เติมไม่เต็ม ถมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็ม ทำไมถึงอยากมีความทุกข์ออกไปหาความทุกข์นอกบ้าน ไม่เข้าใจเหมือนกัน อยู่นอกบ้านมีความสุขใช่มั้ย ต่อไปนี้ไม่ต้องดิ้นรนแล้วทุก 4 โมงเย็นกระสับกระส่ายหาทางออกนอกบ้าน อยู่ให้สบายไปเลย”