เมื่อวันที่ 19 ต.ค. จากกรณีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป” มีการอ้างว่าเคยบันทึกเก็บคลิปเสียงเก็บไว้จำนวนหลายคลิป ซึ่งเป็นคลิปเสียงการสนทนากับเหล่าบรรดานักร้องเรียนและนักการเมืองชื่อดังต่างๆ ในทำนองข่มขู่รีดไถเงินนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีคลิปเสียงอยู่จริงหรือไม่ เบื้องต้นในวันที่จับกุมเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของ นายวรัตน์พล ไว้ได้ 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำพวกฮาร์ดดิสบันทึกข้อมูลอีกจำนวนหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจวิเคราะห์ของทางตำรวจ บก.ปอท. เบื้องต้นในโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวยังไม่พบคลิปเสียงตามที่มีการกล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตามจากแนวทางสืบสวนนั้นทราบว่า นายวรัตน์พลนั้นยังมีโทรศัพท์มือถือ อีก 1 เครื่อง ปัจจุบันเก็บซ่อนไว้ที่นายเอก ไม่ทราบนามสกุล คนขับรถส่วนตัว ซึ่งคาดว่าข้อมูลสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะคลิปเสียงนั้นน่าจะถูกบันทึกเก็บไว้ในโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาเพื่อเร่งพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานว่า ในวันที่จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดังกล่าวทั้ง 18 ราย มีการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ เบื้องต้นมีการส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ตรวจวิเคราะห์หาข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องหาแล้ว 4 เครื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ
ส่วนกรณีรถตู้หรูยี่ห้อ Mercedes Benz รุ่น Sprinter 416 CDI Van คันสีแดง ที่นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล มอบให้ นายกันต์ กันตถาวร หรือ บอสกัน พิธีกรชื่อดัง เป็นของขวัญวันเกิดที่ยังอยู่ระหว่างการตามหานั้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวล่าสุดพบว่า เป็นรถคันเดียวกันกับรถตู้หรูยี่ห้อ Mercedes Benz รุ่น Sprinter 416 CDI Van คันสีดำ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้ได้ก่อนหน้านี้ ส่วนสาเหตุที่สีรถเปลี่ยนไป เนื่องจากเดิมทีรถคันดังกล่าวเป็นรถสีดำ ก่อนที่ต่อมา “บอสพอล” จะนำรถไปแล๊ปสติ๊กเกอร์เปลี่ยนให้สีให้เป็นสีแดงเพราะเป็นสีที่นายกันต์ชอบ จากนั้นจึงนำไปมอบให้เป็นของขวัญวันเกิด ก่อนที่ภายหลังนายกันต์จะลอกสติ๊กเกอร์สีแดงออกเพื่อให้รถกลับมาเป็นสีดำตามเดิม
อย่างไรก็ตามในส่วนของความคืบหน้าคดีหลอกลงทุน แม้จะสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 18 รายได้แล้ว แต่ทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ยังคงเร่งสอบปากคำพยานบุคคลอื่นๆ รวมถึงสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานเอกสารการเงินมาเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบสำนวนให้มีความแน่นหนามากขึ้น แม้ว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้รวมไปถึงคำให้การของฝั่งผู้เสียหายจะค่อนข้างปรากฎแน่ชัดแล้วว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทดังกล่าวไม่ได้มุ่งเน้นขายผลิตภัณฑ์สินค้าแต่เป็นการมุ่งเน้นหาสมาชิกเข้ามาเป็นลูกข่ายเพิ่มเติม