วานนี้ (29 ต.ค.) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าแอปเปิลอิงค์ทำยอดขายได้ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (199,704 ล้านบาท) ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่คงอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้พลาดจากเป้าหมายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทคาดไว้ ทิม คุก ผู้บริหารสูงสุดของแอปเปิลกล่าวว่า ผลกระทบนี้จะยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิมในไตรมาสปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังทำยอดขายในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาวประจำปี 

โซฟี ลุนด์-เยทส์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากฮาร์กรีฟส์ แลนส์ดาวน์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการทางการเงินและการลงทุนของอังกฤษ กล่าวว่า “เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มบริษัท FAANG (กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันที่ได้รับความนิยมและเติบโตเร็ว) ด้วยกันที่เน้นด้านฮาร์ดแวร์น้อยกว่า แอปเปิลมีโอกาสที่จะเจอผลกระทบจากความผันผวนของห่วงโซ่อุปทานได้มากกว่า”

หุ้นของแอปเปิลตกลงมา 1.8% และปิดที่ราคา 149.80 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,985 บาท) ทำให้บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 2.48 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 82.5 ล้านล้านบาท) ในขณะที่หุ้นของบริษัทไมโครซอฟท์กลับเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยราคา 331.62 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11,037 บาท) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตอนปิดตลาดที่ 2.49 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 82.8 ล้านล้านบาท) 

แอปเปิลซึ่งมีมูลค่าหุ้นซื้อคืนที่ 421.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14 ล้านล้านบาท) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ประกาศซื้อคืนหุ้นเป็นจำนวนมหาศาลถึง 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.9 ล้านล้านบาท) ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ มูลค่าหุ้นโดยรวมที่เคยโดดเด่นจึงลดลงเรื่อย ๆ และเมื่อจบไตรมาสที่ 4 ตามปีงบประมาณ แอปเปิลก็มีจำนวนหุ้นอยู่ 16.4 พันล้านหุ้นด้วยกัน

ส่วนมูลค่าหุ้นของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 49% ในปีนี้ โดยมียอดขายบริการการจัดเก็บข้อมูลด้วยระบบคลาวด์เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดเป็นตัวผลักดัน ส่วนหุ้นของแอปเปิลในปีนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียง 13%

มูลค่าตลาดหุ้นของแอปเปิลเคยแซงหน้าไมโครซอฟท์ในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ผลิตภัณฑ์ไอโฟนเปิดตัวครั้งแรก ทำให้บริษัทกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภคชั้นนำของโลก ทั้งสองบริษัทผลัดกันเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงสุดของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีแอปเปิลเป็นผู้ครองแชมป์มาตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 2020 

นักวิเคราะห์กล่าวว่าแอปเปิลจัดการปัญหาห่วงโซ่อุปทานได้ดีมาตลอด แต่เมื่อทิม คุกออกมาเตือนถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น ก็เป็นไปได้ที่ยอดขายของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในช่วงวันหยุดยาวท้ายปี 

ส่วนไมโครซอฟท์นั้นตรงกันข้าม บริษัทคาดการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าจะจบปีนี้อย่างแข็งแกร่ง แต่ก็มีคำเตือนด้วยว่าปัญหาห่วงโซ่อุปทานจะยังคงเกิดขึ้นกับหน่วยผลิตหลัก เช่น บริษัทผู้รับผลิตแล็ปท็อปรุ่น Surface และเครื่องเล่นวิดีโอเกม Xbox

เครดิตภาพ : Reuters