เมื่อวันที่ 18 ต.ค.67 ที่รัฐสภา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พระเมธีวชิโรดม หรือ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ที่เคยไปบรรยายธรรมะที่งานสัมมนาของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด โดยช่วงนึงพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี มีการพูดอวย บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และมีการเหน็บประชาชนที่ไม่ได้มาเข้าการสัมมนาในครั้งนั้น ว่า ตนได้คุยกับนายเดชา กิตติวิทนานันท์ หรือ “ทนายเดชา” ทราบว่าจะไปแจ้งความดำเนินคดี และได้มีการชวนตนไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้นายเดชาคือเจ้าภาพหลัก ตนคงจะไปเสริมกับทีมทนายความ ซึ่งตอนนี้ได้เปิดให้ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจากท่าน ว.วชิรเมธี ให้ไปให้ข้อมูลกับนายเดชา เพื่อที่จะไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป หากมีการดำเนินคดีจนไปถึงการออกหมายจับ ทันทีที่ ท่าน ว.วชิรเมธี กลับมาถึงประเทศก็สามารถรวบที่สนามบินได้

นายษิทรา กล่าวว่า หากผู้เสียหายแจ้งว่าเข้าข่ายชักจูงหรือเชิญชวน เท่าที่ตนได้ดูคลิปก็ถือว่าหมิ่นเหม่ เพราะมีการชวน และท่านเองก็ได้ปัจจัยรอบละประมาณ 1 ล้านบาท ก็ถือว่าได้ผลประโยชน์ ทั้งนี้มีการเทศน์ว่าบริษัท ดิไอคอน เป็นบริษัทที่ดี ก็ถือว่าสุ่มเสี่ยง ส่วนกรณีที่ท่าน ว.วชิรเมธี โพสต์ตอบโต้นายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง นั้น เมื่อวันที่ 17 ต.ค.นั้น ซึ่งนายกรรชัยไม่ได้ว่าอะไร แต่คนที่เปิดมาคือนายเดชา เพราะจะดำเนินคดี นายกรรชัยก็ต้องถามตามหน้าที่พิธีกรอยู่แล้ว คงไม่มีเจตนาให้ร้าย เพราะเขาเองก็เคยบวชด้วยกันมาก่อน

เมื่อถามว่า ทางมหาเถรสมาคมและสำนักพระพุทธศาสตรแห่งชาติ ควรจะเข้ามาหรือไม่ นายษิทรา กล่าวว่า ควรเข้ามาตรวจสอบ เพราะเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับศาสนาควรเข้ามาจัดการในเรื่องนี้ ที่มีพระเข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจ การเมืองต่างๆ ซึ่งพระหลายรูปเป็นพระที่ดี และมีพระอีกหลายรูปที่อยากมาทำการเมืองหรืออยากทำธุรกิจ

“ผมแนะนำให้ทำอย่างแพรี่ ไพรวัลย์ เขาเลย ที่ศึกออกมา ก็มีงานทำเยอะแยะ เป็นตัวอย่างที่ดีกับพระทั้งหลาย” นายษิทรา กล่าว

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า “บอส ธ.” อาจจะไม่ใช่ นายธเนตร วงษา นักธุรกิจพันล้าน แต่อาจจะเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี นายษิทราก กล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูล เพราะเท่าที่ทราบคือนายธเนตร   และมีการคุยกันในรายการช่องหนึ่งแล้ว แต่ข้อมูลคนอื่นอาจจะมี “ ธ.” อื่น ก็เป็นไปได้ ซึ่งตนไม่มีข้อมูล.