ค้าขายออนไลน์ ก็เป็นอีกรูปแบบของ การทำธุรกิจไม่ว่าจะ บริษัทใหญ่กลางเล็ก หรือระดับครอบครัว ต่างปรับตัวไปตามเทคโนโลยี การสื่อสารก้าวล้ำนำสมัย เชื่อมโลกมาอยู่ใกล้เพียงแค่ปลายนิ้ว ส่งผลเรื่อง ธุรกิจค้าขายออนไลน์ พัฒนาเติบโตตามไปด้วย ตลาดบนโลกออนไลน์กลายเป็นศูนย์รวม ยิ่งกว่าห้างสรรพสินค้า พร้อมรายได้มหาศาล

แต่ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ ย่อมมีพวกฉลาดแกมโกง แอบแฝงเข้ามาหากินอยู่ด้วยสารพัดรูปแบบ หลอกขายสินค้าไม่ตรงปก ขายทิพย์ไม่มีของอยู่จริง ฯลฯ การเชิญชวนลูกค้าตามโลกโซเชียล แทบจะลอกเลียนแบบกันมา

จับจุดขายฝันสร้างความน่าเชื่อถือของ “กลุ่มผู้ขาย” ใช้ภาพลักษณ์ ดูดีหล่อ สวย มีทรัพย์สินหรูหรา นาฬิกาแพง รถหรูซูเปอร์คาร์ บ้านคฤหาสน์ร้อยล้าน บริษัทสมัยใหม่ เงินสดเป็นตั้ง ๆ โชว์เรียงราย กินเที่ยวต่างประเทศ ฯลฯ ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่องโป๊ะแตก มาเกิด 2 คดีใหญ่จนบานปลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ แม้รูปแบบธุรกิจทั้ง 2 คดีจะขายสินค้าออนไลน์ต่างกัน แต่คนเขียนสตอรี่ให้เจ้าของแบรนด์กว่าจะมาประสบความสำเร็จได้ดูจะใกล้เคียงกัน

คดีแรกจากเรื่องราวเด็กกองขยะบ้านล้มละลาย สู่เศรษฐีพันล้าน ประสบผลสำเร็จขายของออนไลน์มาหลายปี กระทั่งมีผู้เสียหายนับ 100 คน ซื้อทองออนไลน์จากการไลฟ์สดเชิญชวน แต่ลูกค้านำไปขายร้านอื่นแล้วทองไม่ตรงปกจึงรวมตัวไปแจ้งความ ตำรวจ ปคบ. เอาผิด เจ้าของ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนมีผู้เสียหายจำนวนมากจึงส่งฝากขังในเรือนจำ

คดีสอง เจ้าของเส้นทางชีวิตก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กำพร้าพ่อแต่เด็ก อาศัยอยู่แฟลตคลองเตย หาเลี้ยงชีพตัวเองตั้งแต่ยังเรียน มีโอกาสทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและความงาม จนก้าวขึ้นเป็นซีอีโอพันล้าน

รูปแบบการตลาด วางแผนระดมยิงแอตโฆษณาเข้าไปในโซเชียล ดึงให้คนมาร่วม อบรมคอร์ส ราคาเริ่มจาก 98 บาท ว่าจ้าง ศิลปินบิ๊กเนม มาร่วมสร้างภาพลักษณ์ มีระดับ ลูกทีม, แม่ข่าย, โค้ชอบรม และ บอส ระดมหาสมาชิก หลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งหนุ่มสาว, ผู้สูงวัย, ขรก.บำนาญ, ศิลปิน, นักกีฬา, ไม่เว้นผู้พิการ ฯลฯ ส่วนใหญ่เชื่อมั่นภาพลักษณ์และอยากมีรายได้ ลงทุนตั้งแต่หลักพัน, หมื่น, แสน, ล้าน แต่บางคนขายสินค้าไม่ได้เลย ถึงขั้นเครียดจนคิดสั้นก็มี

สุดท้ายเมื่อไม่เป็นดั่งฝัน ขายสินค้าไม่ได้จริง เริ่มไปร้องกับสื่อ กระทั่งบานปลายขยับสู่การแจ้งดำเนินคดี จนต้องเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุ ที่บช.ก. เพราะมีผู้เสียหายเกือบพันคน ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จึงเห็นบรรดา ศิลปินดัง ทยอยไปพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เกือบทั้งหมดยืนยันเป็นเพียงรับจ้างพรีเซ็นเตอร์ โดดหนีไม่เกี่ยวการบริหาร ดาราบางคนตัดสินใจร่วมแจ้งเอาผิดด้วย เพราะเหมือนตัวเองก็ถูกหลอกให้ไปร่วมเช่นกัน

งานนี้ นายกฯ อิ๊งค์แพทองธาร ชินวัตร ยังให้ความสนใจ กำชับ พล...กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เกาะติดคดีใกล้ชิดเพื่อเป็นบรรทัดฐานการแก้ไขปัญหา เล่นทำเอา หน่วยงานเกี่ยวข้อง ตื่นตัวยกใหญ่ ทั้ง สคบ., อย., ดีเอสไอ, ปปง. ฯลฯ รีบโดดมาร่วมตรวจสอบด้วย ล่าสุด ซีอีโอบริษัทฯ ตัดสินใจออกมาแสดงความรับผิดชอบพร้อมเยียวยาผู้เสียหาย

ตำรวจจะรวบรวมหลักฐานเอาผิดธุรกิจขายฝันบนโลกออนไลน์ได้มากน้อยเพียงใด ’แม่ข่ายโค้ชบอสซีอีโอ“ ใครบ้าง ? จะต้องพาเหรดเข้าไปอยู่ในเรือนจำ คดีไม่ได้สลับซับซ้อน แบบฆาตกรรมซ่อนเงื่อน คงไม่ยากเย็นเกินมือ ตำรวจสอบสวนกลาง ที่จะแกะรอยกระชากหน้ากากเครือข่ายขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

แต่ที่แน่ ๆ อย่าลืมไปตรวจสอบย้อนหลัง ในปี 2561 มีไม่ต่ำกว่า “3 หน่วยงาน” ชาวบ้านเคยไปยื่นร้องเรื่องเอาไว้แต่ทำไมเงียบหาย กระทั่งมาบานปลาย ยิ่งกว่าฝีแตก! กลายเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน!!.