เมื่อวันที่ 10 ก.ค. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ร่วมกันแถลงข่าวถึงการแก้วิกฤติการณ์ของรัฐบาลในสถานการณ์ปัจจุบัน
โดยนายสมพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลโดยตรงทั้งสิ้น รัฐบาลไม่มีความพร้อมต่อการรับมือสิ่งต่างๆ ซึ่งพรรค พท. ได้มีมติจะดำเนินการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายมาชี้แจง ซึ่งสิ่งที่เราอภิปรายมีหลักสำคัญในการนำสิ่งที่รัฐบาลกระทำการละเลยต่อชีวิตและเศรษฐกิจประชาชนที่นับวันตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราไม่สามารถไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ เราพร้อมเปิดโปงความเสียหายความผิดพลาดและการทุจริตเอื้อประโยชน์ของรัฐบาลที่กระทำมาตลอด 2 ปี
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมพรรค พท. เพื่อหารือและขอมติกับ ส.ส. พรรค ในเรื่องนี้ พร้อมจะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเร็ว ๆ นี้ ก่อนการยื่นญัตติในช่วงปลายเดือน ก.ค. นี้ แต่ต้องคำนึงด้วยว่าสามารถร่วมตัว เพื่อประชุมได้หรือไม่ ยืนยันว่า พรรค พท. จะใช้ช่องทางรัฐสภาเป็นหลัก ส่วนช่องทางอื่นๆ นั้น ต้องพิจารณาอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ เราไม่ร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย
ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า การล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการบริหารผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และยังสร้างความสูญเสียให้ประชาชน ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องเยียวยาช่วยเหลือประชาชนให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่รัฐบาลยังมีวงเงินพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะการล็อกดาวน์มีต้นทุนที่สูงมากต่อระบบเศรษฐกิจเพราะความเสียหายจะอยู่ที่ประมาณ 260,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือเกือบ 9,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นทุกวินาทีที่ล็อกดาวน์มีความหมายคือความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชน ย้ำว่า พรรค พท. จะประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะกำหนดท่าทีและบทบาทร่วมกันเกี่ยวญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“การสละเงินเดือน 3 เดือน หลายคนบอกว่าต้องทนอีก 3 เดือน ถ้าแน่จริง ควรสละตำแหน่งนายกฯ ไปเลย ประชาชนจะยินดีมากกว่านี้ เพราะเขาอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและมีผู้นำที่แก้ปัญหาประเทศในยามวิกฤติ” นายประเสริฐ กล่าว
ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การที่ ศบค.ยอมประกาศมาตรการเช่นนี้เกิดจากความผิดพลาดบกพร่องของใช้การมาตรการควบคุมป้องการการระบาดตั้งแต่ปี 63 และยังปล่อยปละละเลยให้เกิดโควิด-19 ระลอก 2-3 ล้วนแต่เป็นความผิดพลาดละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น โดยเฉพาะมาตรการปิดแคมป์คนงานส่งผลให้เกิดการกระจายเชื้อในวงกว้าง จึงขอตั้งข้อสังเกตว่ามาตรการที่ออกมาไม่มีความแตกต่างจากปี 63 เพียงแต่กำหนดพื้นที่เฉพาะแค่ 10 จังหวัดเท่านั้น และกิจกรรมกิจการต่างๆ ที่กำหนดก็ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นเพียงบางสถานที่เท่านั้น รวมทั้งมีการเลี่ยงบาลีใช้ถ้อยคำด้วย ดังนั้นเราเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตรวจหาเชื้อเชิงรุก เพิ่มเตียงสนาม ไอซียูสนาม และมาตรการกักตัว รวมถึงปูพรมกระจายวัคซีนให้ชุมนุมหรือพื้นที่เสี่ยงให้มากขึ้น
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกด้วยว่า เราจะใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งทางอาญา ทางแพ่ง โดยเฉพาะความผิดทางละเมิด ซึ่งเรายินดีที่จะมีส่วนร่วมผลักดันในส่วนนี้แต่เราหนักใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานภายใต้การได้รับข้อยกเว้นตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่คุ้มครองทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลต้องเยียวยากลุ่มได้รับลกระทบ 10 จังหวัด เหมือนปี 63 ให้ครอบคุลม
ส่วน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอขอบคุณบุคลากรทางการแทพย์ที่เสียสละเป็นด่านหน้ารับมือวิกฤติที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถของผู้นำและ ครม. ที่ไม่สามารถรับมือสิ่งต่างๆ ได้ ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศ ซึ่งนายกฯไม่เข้าใจสิ่งที่ประชาชนกำลังเผชิญ เพราะนายกฯ ไม่มาจากประชาชน มาจากการได้อำนาจมิชอบ ยึดอำนาจประชาธิปไตย ที่ผ่านมาพรรคฝ่านค้านพยายามเสนอแนะแก้ไขปัญหาต่อรัฐบาลมาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับการตอบสนองทันการ จึงสรุปว่าการระบาดของเชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นจากความบกพร่องของฝ่ายบริหารทั้งสิ้น
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า กรณีที่นายกฯ และ ครม.สละเงินเดือนนายกฯ ไม่ได้ช่วยชีวิตประชาชนที่เสียชีวิตกลับคืนมา หรือประคองให้ประชาชนลดทอนความยากลำบากได้ ตรงกันข้ามมีคนร้องไห้ต้องทนอยู่กับนายกฯ อีก 3 เดือน พร้อมมองว่านายกฯ ไม่จัดลำดับความสำคัญทั้งที่มีข้อเสนอมากมายที่จะทำให้ลดปัญหาลดวิกฤติลง ซึ่งเป็นเพียงขายผ้าเอาหน้ารอดเท่านั้น การสละเงินเดือน 3 เดือน แต่นายกฯ รับเงินหลายทางแบบนี้แก้ปัญหาอะไรได้.