แน่นอนว่านาทีนี้ย่านสันกำแพงไม่มีอะไรที่ตื่นเต้นเร้าใจเท่ากับ “Flying Bird : Paramotor ChiangMai” อีกแล้ว พารามอเตอร์เชียงใหม่เป็นหนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์ที่ใครมาเชียงใหม่ต้องหาโอกาสมาลอง บอกเลยว่าได้ครบทั้งความสนุก ความสุข และชมวิวสวย ๆ ของเมืองเชียงใหม่ไปพร้อม ๆ กัน จะมาแบบมือสมัครเล่นทดลองบินครั้งแรกหรือเรียนบินแบบจริงจัง ที่นี่มีครูฝึกและนักบินที่มีประสบการณ์ไม่ตํ่ากว่า 15 ปี ดีกรีนักกีฬาทีมชาติ แชมป์กีฬาเยาวชน 5 สมัยซ้อน และติดอันดับ 3 ของโลก ที่พร้อมจะพาเปิดรับมุมมองใหม่ เปิดประสบการณ์ใหม่บนท้องฟ้า
ได้มองเมืองเชียงใหม่ที่กำลังเต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่มของช่วงฤดูฝนอย่างห้วงเวลานี้ ที่อาจมีเมฆฝนเบา ๆ ให้บินผ่าน หรือทะเลหมอกยามเช้าของแต่ละวัน รับรองว่า Bird Eye View ครั้งนี้จะไม่เหมือนจากการมองจากตึกสูงหรือจากหน้าต่างเครื่องบินแน่นอน Flying Bird เปิดทุกวัน โดยมีช่วงเวลาบินให้เลือก 2 รอบคือ เช้า 06.30-09.00 น. และเย็น 16.00-17.30 น. ระยะเวลาในการบินราว 15-20 นาที ที่ความสูงประมาณ 1,500 ฟุต ใครที่อุปกรณ์ไม่พร้อม ออปชันไม่ครบที่นี่มีกล้อง Gopro ไว้ให้บริการฟรีเพื่อเก็บภาพความประทับใจด้วยตัวเองให้ยืมอีกต่างหาก
ส่วนที่อยู่คู่กับสันกำแพงแบบมาถึงแล้วต้องแวะสักหน่อยคือ “ศูนย์อุตสาหกรรมทำร่มบ่อสร้าง” อดีตหมู่บ้านชนบทที่มีอาชีพเกษตรกรรมยามว่างผลิตงานฝีมือตามแต่ความถนัด มีการทำร่มกระดาษสาเป็นสินค้ายอดนิยมจนมีหน่วยราชการเข้ามาช่วยพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่สวยงามและมีความหลากหลายมากขึ้น จนวันนี้มีศูนย์ฯ ทำหน้าที่เป็นสถานที่การสาธิตขั้นตอนการทำร่มตั้งแต่ผลิตกระดาษสา การขึ้นโครงและประกอบเป็นตัวร่ม การทาแป้งเปียกผสมนํ้ามะโก้ทำให้กระดาษติดทนนาน หลังจากนั้น นำกระดาษขาววางลงไปก่อน ตามด้วยกระดาษสี แล้ววางตากแดดไว้ให้แห้ง สุดท้ายนำมาวาดลวดลายและสีสันบนร่มให้สวยงาม โดยเปิดให้ผู้มาเยี่ยมเยือนได้ลงมือทำร่มกระดาษสาด้วย นอกเหนือจากการจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองทั้งร่มและอื่น ๆ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.
หากชื่นชอบงานฝีมือสไตล์แฮนด์เมด นอกจากร่มกระดาษสาแล้ว ในพื้นที่สันกำแพงยังมีชุมชนศิลปะขนาดเล็กที่มีวิถีอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่าง “โหล่งฮิมคาว” ที่อยู่หลังวัดสีมารามติดริมนํ้าแม่คาว กับคอนเซปต์ “กินช้า ๆ เดินช้า ๆ ซื้อขายช้า ๆ อู้จ๋าม่วน ๆ” ภายในชุมชนมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสื้อผ้าพื้นเมือง โดยแต่ละบ้านจะเปิดบ้านเพื่อจำหน่ายสินค้าของตนเอง มีฉำฉามาร์เก็ต ตลาดเล็ก ๆ ใต้ต้นจามจุรีที่รวบรวมสินค้าหัตถกรรมงานฝีมือ อาหารและเครื่องดื่ม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ มีร้านอาหารที่ใคร ๆ อยากมาลิ้มลองอย่าง มีนามีข้าว ที่เปิดบริการทุกวัน เช่นเดียวกับร้านหัตถกรรมแต่ละบ้าน ส่วนร้านค้าใน Weengchamchaa เปิดทุกวัน (หยุดวันพุธ)
หากอยากสัมผัสการทำเกษตรอินทรีย์ วิถีสโลว์ไลฟ์แนะนำให้แวะ “ออนใต้ฟาร์ม” สวนเกษตรอินทรีย์เล็ก ๆ ในชุมชนออนใต้ ที่ปลูกผักและดำรงชีวิตภายใต้สโลแกน “We grow for healthy food and future” ที่เปิดพื้นที่สีเขียวต้อนรับนักท่องเที่ยว เลือกใช้เวลาพักผ่อน เปลี่ยนที่ทำงานทานอาหารที่ปลอดภัย กับอาหารพื้นบ้านแบบชาวเหนือรสชาติดั้งเดิมในแบบ Farm to table เพิ่มเติมด้วยการเรียนรู้การทำชาสมุนไพรสด หรือเรียนทำอาหารเหนือกับเชฟชุมชน
มาสัมผัสวิถีชุมชนแล้วติดใจบรรยากาศที่ชุมชนออนใต้ เปิดบ้านต้อนรับแขกเข้ามาพักในรูปแบบโฮมสเตย์ ที่มีไฮไลต์เด็ดยามคํ่าคืนอย่างการนอนดูดาว เพราะที่นี่คือหนึ่งในเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด โดยมีพื้นที่เปิดโล่งบริเวณหน้าอ่างเก็บนํ้าเป็นจุดดูดาว บริเวณสันเขื่อนเหมาะแก่การถ่ายภาพบุคคลคู่กับวัตถุท้องฟ้า เช่น ทางช้างเผือก กลุ่มดาว ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ รวมถึงวัตถุในห้วงลึกอวกาศ ได้แก่ เนบิวลา กาแล็กซี กระจุกดาว เป็นต้น โดยมีแนวเขาเป็นฉากหลังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
เลยขึ้นไปที่ อ.แม่ออน กำลังมีการจัดงาน “วิจิตร@เชียงใหม่ : สีสันแห่งเส้นแสง นํ้าพุร้อนสันกำแพง โครงการตามพระราชดำริ” ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ และกิจการน้ำพุร้อนสันกำแพงโครงการตามพระราชดำริ ชุมชนบริเวณรอบนํ้าพุร้อนสันกำแพง และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่จัดขึ้น เพื่อฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ภายใต้แนวคิดการสะท้อนถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวอันวิจิตรของทุนทางวัฒนธรรมของเมืองเหนือที่ผสมผสานเข้ากับนวัตกรรมการฉายภาพ แสง สี เสียง สร้างสรรค์ ที่สามารถสะท้อนเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ของท้องถิ่น
10 จุดการแสดงแสง ที่พร้อมให้ผู้มาเยือนได้เดินเที่ยวแบบ Walking Tour ได้แก่ ประตูแดนรุ้งพราย : ซุ้มประตูสีดำ ตัวแทนของกลางคืนอันมืดมิด ที่จะนำพาส่งผ่านสู่ความสว่างไสวด้วยแสงไฟหลากสี เป็นประตูทางเข้างานเพื่อเชื่อมทางไปสู่แดนรุ้งพราย
อุโมงค์โคมพราว : ความงดงามของผู้คนและวัฒนธรรมของชาวล้านนาที่ถ่ายทอดผ่านโคมและตุงย้อมแสง โดยเพิ่มประกายแสงรุ้ง สะท้อนความงดงามของผู้คนและวัฒนธรรมของชาวเชียงใหม่ แวะช้อปที่ ตลาดสีรุ้ง : ตลาดจำหน่ายสินค้า-อาหารชุมชน ที่อุดมไปด้วยความสุข ความสนุกสนาน และความอิ่มอร่อย ของผู้คนในแดนรุ้งพราย ท่ามกลางบรรยากาศไฟหลากสี
แล้วไปต่อที่ Iridescent Bubble : ขยายละอองนํ้าให้ใหญ่ เพื่อให้เห็นเหลื่อมแสงรุ้งอย่างเต็มตา เพื่อเน้นขยายให้เห็นประกายชีวิตและสีสันของนํ้าพุร้อนสันกำแพง พรายแสงนํ้าพุร้อน : แสงสีและเสียงดนตรีที่โอบฉาบไอนํ้าพุร้อน ถ่ายทอดเรื่องราวของนํ้าพุร้อนสันกำแพง ซึ่งได้สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างโอกาส ให้คุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนในชุมชนโดยรอบ เฉลิมฉลองแด่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและความซาบซึ้งในโครงการตามพระราชดำริ
ลำธารแสงไหล : เปลี่ยนสีสันของธารนํ้าร้อนใต้ร่มเงาของต้นไม้น้อยใหญ่ภายในนํ้าพุร้อนสันกำแพง ด้วยเส้นแสงไฟตลอดขอบลำธาร เชื่อมโยงนํ้าพุร้อนสันกำแพงสู่ประชาชน ซุ้มแสงเลื่อมพราย : ผืนดิน ต้นไม้ และสายลม ที่พร่างพรายด้วยประกายแสง เฉดสี และละอองฟอง สะท้อนภาพสุดตระการตาคลุมทุกพื้นที่ ส่งต่อการเฉลิมฉลองสู่ผู้คน Glowing Camping : พื้นที่แคมปิ้งในบรรยากาศอบอุ่นสวยงามในยามคํ่าคืน ไฟประดับที่ส่งให้บรรยากาศแคมป์ภายในงานดูมีสีสัน ทันสมัยแปลกตา เปิดมุมมองให้ชีวิตได้สัมผัสธรรมชาติแบบค้างแรมอย่างมีสไตล์
แสงแห่งไทร : จากสีสันแห่งเส้นแสง สู่แสงรุ้งพราย ถ่ายทอดความงดงามของตัวแทนธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ด้วยเทคนิคแสงผสมผสาน บอกเล่าถึงการเริ่มต้น การเติบโต ความรุ่งเรือง และความสุขที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และ ทุ่งไข่รุ้ง : ความสุขเล็ก ๆ อันแสนยิ่งใหญ่ของการต้มไข่ในบ่อนํ้าพุร้อนแสงไฟหลากสีที่เคลื่อนไหวไปมา และบรรดาไฟทรงกลมรายล้อมเป็นทุ่งแสง มอบความสนุกคลอเคล้าไปกับเสียงดนตรีอย่างลงตัว
งานวิจิตร@เชียงใหม่ “สีสันแห่งเส้นแสง นํ้าพุร้อนสันกำแพง โครงการตามพระราชดำริ” จัดระหว่างวันที่ 20-28 กรกฎาคม 2567 ณ นํ้าพุร้อนสันกำแพง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ จะไปเที่ยวชมงานสำหรับรถส่วนตัวสามารถจอดรถ ณ ลานจอดรถก่อนถึงแยกทางเข้านํ้าพุร้อนสันกำแพง ค่าบริการจอดรถ 40 บาท และลานจอดรถบริเวณโรงเรียนหมู่บ้านสหกรณ์ 2 ไม่คิดค่าบริการและมีรถรับ-ส่ง ทุก 15 นาที แต่แนะนำให้ใช้บริการรถรับ-ส่ง เพื่อความสะดวก โดยบิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์สนับสนุนฟรีตลอดการจัดงาน จอดรถได้ที่ บิ๊กซีดอนจั่น ตั้งแต่ 16.30-19.30 น. และเดินทางกลับเวลา 19.30-22.00 น. รถออกทุก 15 นาที.
อธิชา ชื่นใจ