สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา นายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ทนายเจมส์ LK” ระบุใจความว่า ”นช.เรือนจำบางขวาง ร้องสภาทนายฯ เหตุถูกเพื่อน นช. วางยานอนหลับและข่มขืน ผู้คุมไปแจ้งความแล้ว แต่คดีไม่คืบหน้า แถมถูกเพื่อน นช.บูลลี่จนคิดสั้นฆ่าตัวตาย” ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. กรมราชทัณฑ์ โดยส่วนประชาสัมพันธ์ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชน ชี้แจงว่า วันที่ 12 ก.ค.67 จากกรณีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวผู้ต้องขังเรือนจำกลางบางขวาง กล่าวอ้างถูกวางยานอนหลับจนโดนกระทำชำเราภายในเรือนจำและได้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ติดตามความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวนั้น กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางบางขวาง ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 67 โดยผู้ต้องขังรายนี้ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าถูกเพื่อนร่วมห้องกระทำชำเราภายในห้องนอน ซึ่งมีผู้ต้องขังอยู่ร่วมกัน จำนวน 3 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการสอบปากคำเบื้องต้นและนำตัวส่งให้แพทย์โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง ตรวจร่างกายและจิตใจ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 67 ทั้งนี้ เรือนจำกลางบางขวาง ได้มีคำสั่งลงโทษผู้ต้องขังที่ก่อเหตุเรียบร้อยแล้ว
กรมราชทัณฑ์ ระบุอีกว่า สำหรับประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง ยานอนหลับ ทางเรือนจำฯ ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบ โดยสอบปากคำผู้ต้องขังรายดังกล่าวได้ความว่าผู้ต้องขังทั้ง 3 คน ได้ทานกาแฟจากแก้วเดียวกัน โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนจนหมดแก้ว หลังจากนั้นผู้ต้องขังที่เป็นผู้เสียหายเกิดอาการง่วงจนหลับไป กระทั่งรู้สึกตัวและโวยวายกับผู้ก่อเหตุจนเพื่อนร่วมห้องอีกคนตื่นขึ้น ซึ่งกาแฟดังกล่าวเป็นกาแฟที่ขายจากร้านสวัสดิการของเรือนจำฯ ซึ่งขายให้กับผู้ต้องขังทั่วไป ส่วนประเด็นเรื่องมียานอนหลับ หรือเป็นยาชนิดใดหรือไม่ ในประเด็นนี้ เรือนจำฯ มีแนวทางการปฏิบัติในการจ่ายยาให้กับผู้ต้องขังที่รัดกุม ยากต่อการซุกซ่อน รวมทั้งมีมาตรการในการตรวจสอบควบคุมเพื่อป้องกันการลักลอบนำยาประเภทยานอนหลับ หรือยาควบคุมไปใช้ในทางที่ผิดได้ นอกจากนี้ ในระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบฯ ได้มีการแยกผู้ต้องขังออกมาจากแดนที่เกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและดูแลสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์การถูกล้อเลียนหรือถูกกลั่นแกล้งจากผู้ต้องขังอื่นที่อยู่ร่วมกันในแดน ซึ่งผู้ต้องขังคนดังกล่าวไม่มีอาการผิดปกติและสามารถอยู่ร่วมกับผู้ต้องขังอื่นได้ตามปกติ
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กรมราชทัณฑ์ได้ให้ความสำคัญในการป้องกันการใช้ความรุนแรงในเรือนจำทั้งจากผู้ต้องขังด้วยกันเอง หรือจากเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งองค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (ข้อกำหนดแมนเดลา) ในการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังภายใต้แนวคิดพื้นฐานเรื่องการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การไม่เลือกปฏิบัติ การห้ามทรมานและปฏิบัติที่ทารุณโหดร้าย โดยมุ่งเน้นการให้เรือนจำที่มีความปลอดภัยสำหรับทุกคน.