สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่า ความตกลงระหว่างจอร์แดนกับอิสราเอล 2 ประเทศเพื่อนบ้านแห่งตะวันออกกลาง ซึ่งได้ข้อสรูปหลังการประชุมร่วม ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ดีขึ้น กับรัฐบาลชุดใหม่ของอิสราเอล หลังความตึงเครียดนานหลายปี ในรัฐบาลของอดีตนายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู

นายไอย์มาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน พบปะกับนายยาอีร์ ลาปิด รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญ ของการก่อตั้งรัฐบาลอิสราเอลชุดใหม่ เมื่อเดือนที่แล้ว ที่สะพานคิงฮุสเซน เชื่อมต่อระหว่างจอร์แดนกับเขตเวสต์แบงค์ เมื่อวันพฤหัสบดี

ภายใต้ความตกลง จอร์แดนจะสั่งซื้อน้ำดื่มน้ำใช้จากอิสราเอล จากเดิมไม่เกินปีละ 10 ล้านคิวบิกเมตร เป็นอีกปีละ 50 ล้านคิวบิกเมตร

จอร์แดนยังคงเผชิญภาวะขาดแคลนน้ำ ปีละประมาณ 500 ล้านคิวเบิกเมตร และจำเป็นต้องสั่งนำเข้าอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อรับประกันความพอเพียง ในการใช้น้ำในประเทศ

จอร์แดนเป็นหนึ่งในประเทศที่แห้งแล้วที่สุดในโลก และคาดว่าภาวะขาดแคลนน้ำในประเทศจะเลวร้ายลงอีก จากผลกระทบของภาวะโลกร้อน

นายซาฟาดี เผยอีกว่า เขาและลาปิดยังตกลงที่จะให้เพิ่ม การส่งออกสินค้าจอร์แดน ไปยังเขตเวสค์แบงค์ของชาวปาเลสไตน์ ซึ่งปัจจุบันตกอยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล จากปีละ 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นปีละ 700 ล้านดอลลาร์ คณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของจอร์แดน จะได้ข้อสรุปรายละเอียด ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก่อนที่จะมีการเจรจาคณะเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย อิสราเอล-จอร์แดน-ปาเลสไตน์ เพื่อกำหนดเพดานการส่งออก.

เครดิตภาพ – Digichat, Center for Israel Education

เครดิตคลิป – i24NEWS English