แต่…กับหลาย ๆ พื้นที่นั้น ’ชีวิตไม่ค่อยปกติสุขเช่นครั้งอดีต“… ทั้งนี้ การที่ชีวิตคนไทยยุคนี้ไม่ค่อยจะปกติสุข ซึ่งรวมถึงคนในพื้นที่เมืองเหนือหลายจังหวัด ’สาเหตุสำคัญ“ สาเหตุหนึ่งก็เนื่องจาก ’ปัญหาสภาพแวดล้อม“…
’พิษมลภาวะ“ นั้น ’นับวันยิ่งรุนแรง“
โดยเฉพาะ ’มลพิษต่อระบบหายใจ“
มลพิษที่นำสู่การ ’ก่อภัยมะเร็งปอด“
กล่าวสำหรับมลพิษ-มลภาวะที่ส่งผลร้ายแรงต่อระบบหายใจนั้น…ยุคนี้ก็แน่นอนว่า ’ฝุ่นพิษขนาดจิ๋ว PM2.5“ เป็นพิษภัยที่ ’ไม่กลัว-ไม่แก้-ไม่ป้องกันไม่ได้“ เพราะมัน ’อันตรายร้ายแรงถึงชีวิต“ ได้เลย ดังที่มีข่าวการสูญเสียปรากฏบ่อย ๆ อย่างไรก็ดี พื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยที่ได้เกิดภัย “มลภาวะ-มลพิษทางอากาศ” ขึ้นนั้น ในปัจจุบัน ในหลาย ๆ พื้นที่ หลาย ๆ ฝ่ายก็พยายามช่วยกัน “แก้ไข-ป้องกัน” ซึ่งก็ย่อมเป็นเรื่องดีที่เกิดการ ’ร่วมด้วยช่วยกัน“ และวันนี้ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ก็มี ’กรณีศึกษา“ กรณีหนึ่งมาสะท้อนต่อ นั่นคือกรณีโครงการ ’ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋“ หรือ ’Lamphun Healing Town“
กับโครงการที่เป็นการร่วมด้วยช่วยกันโครงการนี้…ก็นับว่าเป็น ’ต้นแบบ“ ที่น่าสนใจ และก็น่าเอาใจช่วยให้ซัคเซสตามความมุ่งหวังของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความมุ่งหวังของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งโครงการต้นแบบ “ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋ – Lamphun Healing Town” นี้ดำเนินการโดยความร่วมมือของ เทศบาลเมืองลำพูน, บริษัท ลำพูน ซิตี้ แลป จำกัด, บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด (GSK) และขาดไม่ได้คือ การร่วมมือสนับสนุนจากประชาชน ในพื้นที่
หลักใหญ่ใจความ หรือจุดมุ่งหมายหลักของโครงการ “ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋ – Lamphun Healing Town” นั้นคือ…เพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ย่านใจกลางเมืองเก่าลำพูนให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขทั้งทางกายและทางใจ โดยมีการกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการผ่านทางการ พัฒนาในหลายมิติ ได้แก่… มิติด้านสุขภาวะ มิติด้านสิ่งแวดล้อม และมิติด้านเศรษฐกิจ ด้วยความร่วมมือของทุก ๆ ภาคส่วน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ เพื่อที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทางที่มุ่งหวัง
จุดหมายปลายทางที่มุ่งหวังนั้น…ที่สำคัญคือการสามารถ ’ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน“ ได้ ซึ่งคุณภาพชีวิตในที่นี้ก็หมายรวมถึงการมุ่งหวังให้ เศรษฐกิจครัวเรือนมีความมั่นคงบนวิถีพอเพียงอย่างยั่งยืน โดยที่กลไกสำคัญกลไกหนึ่งคือการ ต่อยอดการพัฒนาอัตลักษณ์วิถีบนฐานวัฒนธรรมภูมิปัญญาสร้างสรรค์ สู่อัตลักษณ์การท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์
’คีย์เวิร์ด“ คือ ’ฟื้นฟู-พัฒนาต่อยอด“
ทั้งนี้ โครงการที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” นำมาสะท้อนต่อในฐานะ “กรณีศึกษา” นี้ สะท้อนไว้โดย รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษา ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ในการบรรยาย “การออกแบบชุมชนเมืองน่าอยู่ และยั่งยืน : NCDless Architecture” ในงานประชุมวิชาการ Thai NCD Alliance 2024 โดยได้มีการยกโครงการ Lamphun Healing Town ขึ้นมาเป็นตัวอย่างโครงการ ลดมลภาวะที่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย NCD โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ
“ในปัจจุบันนั้น สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรากำลังแย่ลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สถาปนิก และผู้ที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาเมืองใหม่ Smart City จึงต้องเตรียมการสำหรับอนาคต ในขณะนี้เรากำลังทำโครงการ Lamphun Healing Town ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋ ร่วมกับ GSK บนถนนรถแก้ว ที่ จ.ลำพูน” …ทาง รศ.ดร.สิงห์ ระบุไว้ พร้อมทั้งบอกว่า… ลำพูนก็นับเป็นหนึ่งในเมืองที่น่ากังวลมากเกี่ยวกับค่า ’PM2.5“ ที่สูง และอัตราการเกิด ’โรคมะเร็งปอด“ ที่สูง
หัวหน้าคณะที่ปรึกษา ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ระบุไว้ด้วยว่า… ด้านสิ่งแวดล้อม ลำพูนยุคหลัง ๆ ขาดพื้นที่สีเขียว ต้นไม้กลางเมืองมีน้อยมาก ทำให้เมืองร้อน แหล่งน้ำธรรมชาติจากภูมิปัญญาบรรพบุรุษเหือดแห้ง ซึ่งส่งผลต่อเนื่องเชิงเศรษฐกิจ เกิดกรณีประชากรหดตัว และราว 30% เป็นผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้ ส่วนคนวัยทำงานก็พากันออกไปอยู่เมืองอื่น ๆ ซึ่งด้านท่องเที่ยวนั้น ก็ขาดที่พักและร้านค้าคุณภาพสูง รวมทั้งกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวก็ถือว่ามีน้อย
ในการทำโครงการนี้…ได้ ’มุ่งเน้นทำให้องค์ประกอบของเมืองช่วยเยียวยาเมือง“ โดยด้านสิ่งแวดล้อม…จะต้องลดมลพิษทางอากาศ เพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมถึงจัดการระบบระบายน้ำ จัดการระบบแสงสว่าง และจัดการระบบสัญจร ในด้านสุขภาพกายและใจ…จะต้องมีพื้นที่ออกกำลังกาย ที่มีความร่มรื่น มีร่มเงา หายใจสะดวก มีพื้นที่ผ่อนคลายด้วยงานศิลป์ และในด้านเศรษฐกิจ…จะต้องเชื่อมโยงพื้นที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความน่าลงทุน รวมทั้งเน้นภาพลักษณ์ด้านสุขภาวะที่ดี
’การเข้าไปพัฒนาพื้นที่ถนนรถแก้ว เราตั้งใจที่จะให้ถนนเป็นสวนสาธารณะ โดยมีการปลูกต้นไม้และไม้พุ่ม จัดวางเครื่องฟอกอากาศระดับเมือง ทาสีรั้วสถานที่ราชการที่เสื่อมโทรม ปรับผิวถนนเป็นช่วง ๆ ทำระบบไฟแสงสว่างให้ดีขึ้น เรามีการเจาะถนนเพื่อปลูกต้นไม้ โดยทาง GSK และชุมชนได้เข้ามาช่วยกันปลูก ซึ่งเราหวังว่าพื้นที่นี้จะเป็นต้นแบบเมืองอยู่ดีมีสุขของประเทศ หรือ Thailand‘s Prototype for Well-being Town“ …ทาง รศ.ดร.สิงห์ ทิ้งท้ายไว้
กรณีศึกษานี้น่า ’เอาใจช่วยให้ซัคเซส“
และก็ ’เอาใจช่วยทุกเมืองที่ช่วยกัน“
เพื่อ ’เอาชนะภัยมลภาวะ-มลพิษ“.