อย่าง “พลังจิต” นี่โลกสากลก็มี ’ความเชื่อ“ เรื่องนี้กันไม่น้อย อีกทั้งยังมีการศึกษาในเชิง “ศาสตร์” แขนงหนึ่งอีกต่างหาก แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับในไทย…กับเรื่องการ ’รักษาโรคนอกระบบการแพทย์“ ที่หลาย ๆ กรณี’ดูไม่น่าเชื่อ…แต่เชื่อกันไม่น้อย??“ นั้น… ’ในมุมจิตวิทยาก็นับว่าน่าพิจารณา“…

      ในแง่ พฤติกรรมปรากฏการณ์ นั้น

      มุมจิตวิทยาได้ วิเคราะห์ ได้สะท้อน

      เป็น มุมสะท้อนถึงสภาพสังคมไทย“…

ทั้งนี้ กับการเชื่อเรื่อง “พลังจิต” นี่ก็ย่อมจะสุดแท้แต่วิจารณญาณ อย่างไรก็ตาม ดูกันเฉพาะกรณี “การรักษาโรคด้วยวิธีต่าง ๆ ที่ดูไม่น่าเชื่อ…แต่ก็มีผู้ที่เชื่อ” และโดยเฉพาะกรณีที่ ’สุดท้ายแล้วก็แค่กล่าวอ้าง“ กับกรณีแบบนี้ทาง ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ หรือ “หมอแนต” จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ชวนสังคมคิดตาม และตั้งคำถามถึง “ปรากฏการณ์” ที่เกิดขึ้น โดยระบุผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาว่า… ปัจจุบันแม้นวัตกรรมของโลกจะก้าวมาไกลมากแค่ไหน แต่ก็ยังคงมีคน “เชื่อคำกล่าวอ้าง” เกี่ยวกับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ด้วย “วิธีรักษาที่ไม่มีในตำรา??”

ทาง ดร.นพ.วรตม์ ระบุต่อไปว่า… ไม่เพียงแค่ ’รูปแบบแปลก ๆ“ เท่านั้น แต่สิ่งที่พบบ่อย ๆ ในปัจจุบัน ในโลกออนไลน์ หรือตามสื่อโซเชียลนั้น ยังพบ… ’คำแนะนำที่ดูพิลึก ๆ“ ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่พบมากในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ ไม่มีรายงานวิชาการใด ๆ อ้างอิง หรือไม่มีแหล่งข้อมูลที่ชัดเจน แต่ก็มีคนที่เชื่อคำอวดอ้าง เชื่อคำกล่าวอ้างในสรรพคุณที่มีการโฆษณา หรือแชร์ต่อ ๆ กันมา อย่างเช่น…ใช้น้ำผึ้งมะนาวโซดารักษามะเร็งได้ เป็นต้น โดยปรากฏการณ์ในลักษณะนี้ก็เป็นการสะท้อนว่า… “โลกยุคข้อมูลข่าวสาร” เป็นเสมือน “ดาบสองคม” โดยเฉพาะสำหรับผู้คนที่ไม่เท่าทัน…

เรียกว่ามีตลอด และไม่มีช่วงใดที่จะหายไปเลย เพราะหมดจากเรื่องนี้ก็จะไปอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งคนที่เข้าถึงเทคโนโลยี คนที่เข้าถึงข้อมูลที่อัปเดต ก็จะมองว่าเป็นเรื่องแปลก เป็นเรื่องที่ดูพิลึก ที่ยังมีคนเชื่อคำอวดอ้างแบบนี้อยู่ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ายังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถจะเข้าถึงข้อเท็จจริง …ทาง ดร.นพ.วรตม์ ระบุชวนคิด

นอกจากนี้ ก็ยังได้ระบุผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาอีกว่า… การเชื่อคำแนะนำในลักษณะเช่นนี้ หรือแม้แต่เชื่อการ “อวดอ้าง” ว่าสามารถ “ใช้พลังจิตรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้” โดยเฉพาะ “โรคที่รักษายาก” ในสังคมไทยยังต้องมีให้เห็นกันอยู่เรื่อย ๆ อย่างแน่นอน เพราะส่วนหนึ่งก็เกิดมาจาก ’ปัจจัยการเข้าไม่ถึงข้อมูล“ ขณะที่อีกส่วนก็มาจาก ’ปัจจัยภาวะจิตใจที่อ่อนแอ“ จนทำให้มีคนหยิบนำ “จุดอ่อน” ในเรื่องเหล่านี้มาใช้เป็น “เครื่องมือดึงดูดใจทำให้หลงเชื่อ” …ซึ่งหากเป็นแค่การทำให้จิตใจแข็งแรงขึ้น จะได้มีแรงต่อสู้กับโรค ก็เรื่องหนึ่ง แต่… ที่ ’อันตราย!!“ คือ…ชวนให้ผู้ป่วยหลงงมงาย…

      จน ปฏิเสธการรักษาตามหลักวิชาการ

      สุดท้าย ผลร้ายผลเสียตกอยู่ที่ผู้ป่วย!!“

จากการที่เชื่อแล้วไม่ยอมรักษากับแพทย์ในระบบนั้น…ก็ทำให้ “เสียโอกาสหายจากโรค” อีกทั้ง…ไม่เพียง “อันตรายต่อสุขภาพ!!” และ “อันตรายต่อชีวิต!!” แต่บางกรณีบางเคสก็ยังพบด้วยว่า… “ผู้ป่วยแทบสิ้นเนื้อประดาตัว!!” จากการที่ ’ถูกหลอกให้เสียเงิน“ หมดเงินไปกับการรักษาที่ไม่มีในแบบแผน ทั้ง ๆ ที่ผู้ป่วยเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า…วิธีรักษานั้นได้ผลจริงหรือไม่?? …ซึ่งหากถามย้ำว่า “ปัจจัยใดกระตุ้นทำให้คนหลงเชื่อ??” ทาง ดร.นพ.วรตม์ วิเคราะห์และระบุว่า…

การ เข้าไม่ถึงความรู้ที่แท้จริง เป็นปัจจัยทำให้เกิดแนวโน้มพฤติกรรมนี้ได้ ซึ่ง “ความเหลื่อมล้ำ” กรณีนี้กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คนบางกลุ่มหยิบนำมาใช้เพื่อจี้จุดคนที่กำลังรู้สึกไร้ทางออก นอกจากนั้น ในทางจิตวิทยาเรียกแนวโน้มพฤติกรรมเช่นนี้ว่า… ภาวะ แบนด์วากอน โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า… มนุษย์มีแนวโน้มที่จะกระโดดเข้าไปทดลองเรื่องต่าง ๆ ที่เปรียบเทียบตัวอย่างได้กับขบวนคาราวาน ที่เวลามีขบวนแห่มา คนก็จะไปมุงดูกัน ซึ่งคนอื่น ๆ เมื่อเห็นมีคนมุงดู ก็จะเข้าไปมุงตาม ทั้งที่อาจไม่มีอะไรสำคัญกับตนเอง นี่ก็เป็นเพราะ “กลัวตกกระแส-กลัวพลาดของดี” จึงทำตาม ๆ กันไป

โฆษกกรมสุขภาพจิตระบุผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาด้วยว่า… มนุษย์ทุกคนมีแนวโน้มที่จะเชื่อ เพราะกลัวพลาด กลัวตกกระแส ซึ่ง… ก็อาจจะให้ ’ผลลวง“ จากการที่ความรู้สึกและสภาพจิตใจดีขึ้น ทำให้ร่างกายดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้อาการป่วยดีขึ้น ซึ่งผลลวงก็ “สู้ผลจริงจากการรักษาจริงไม่ได้” แต่…บางคนที่เป็นโรคร้าย หรือคนที่รู้สึกไม่มีความหวังกับแนวทางการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันจริง ๆ ก็ง่ายที่จะรับ ’ความเชื่อ“ เรื่อง “พลังเหนือธรรมชาติในการรักษาโรค”

ถ้าทำให้จิตใจคนเจ็บป่วยดีก็ดีไป แต่ที่เห็นบ่อย ๆ การหลอกลวงเรื่องพลังพิเศษจะเหมือน ๆ กัน คือหายเร็ว ไม่กี่ครั้งก็หาย
ทั้งที่ความจริงไม่มีอะไรที่รักษาได้เร็วขนาดนั้น อีกเรื่องคือมักไม่รับผิดชอบ โดยอ้างว่าเพราะไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา จึงไม่เห็นผล สุดท้ายคนที่รับผิดชอบก็วกกลับมาเป็นแพทย์ พยาบาล และญาติ …ดร.นพ.วรตม์ ทิ้งท้าย

      เรื่องแบบนี้ก็สุดแท้แต่วิจารณญาณ

      แต่ปัญหาคือมีพวกที่จ้องจะหลอก

      จึงมีการเตือนเชื่อก็อย่างมงาย!!“.