เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. โฆษก บช.น. เปิดเผยว่า กรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมผ่านช่องทางออนไลน์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 14 ก.ย. จะมีการรวมตัวกันของกลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มทะลุแก๊ส ยังไม่ทราบเวลา นัดหมายที่แยกดินแดง บช.น. ขอเตือนว่ากรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ประกาศ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การชุมนุมหรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 10 ลง 31 ส.ค.64 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ อีกส่วนหนึ่ง ทางบช.น.ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้แล้ว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า จากการชุมนุมในวันที่ 13 ก.ย. ของกลุ่มทะลุแก๊สที่บริเวณแยกดินแดงเริ่มรวมตัวเวลา 18.00 น. ยังคงละเมิดกฎหมาย มีการขว้างปาประทัด จุดพลุ เพื่อยั่วยุเจ้าหน้าที่ บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหาร มีการยืนขวางถนนปิดการจราจร จุดไฟเผาทรัพย์สินต่างๆ อาทิ ยางรถยนต์ กลางถนนวิภาวดีขาออก เผาพัดลมระบายอากาศของอุโมงค์และตู้ควบคุมบริเวณใต้ทางด่วน เผากรวยยางบริเวณแยกมิตรไมตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประกาศเตือนให้ยุติการกระทำดังกล่าว แต่ก็ยังมีการใช้หนังสติ๊กและวัสดุท่ออัดแก๊ส ยิงลูกแก้ว พลุไฟ และ ระเบิดต่างๆ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะๆ โรยตะปูเรือใบ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าบังคับใช้กฎหมายและผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออก จากพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จากการก่อความวุ่นวายของผู้ชุมนุมเป็นเหตุให้มีทรัพย์สินสาธารณะประโยชน์ได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่ออีกว่า จนกระทั่งเวลา 21.30 น. มีการจับกุม ผู้กระทำความผิดดังกล่าว 11 คน พร้อมของกลางระเบิดแสวงเครื่อง, หนังสติ๊ก ลูกแก้วจำนวนหนึ่ง ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความ วุ่นวายในบ้านเมืองฯ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิกฯ, มีวัตถุระเบิดไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการ ตามหน้าที่โดยได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทาความผิดด้วยกันตั้งแต่ สามคนขึ้นไปฯ และออกนอกเคหสถานในเวลาห้ามฯ (21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น), วางเพลิงเผาทรัพย์ และพกพาอาวุธปืนหรือมีเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต อีกส่วนหนึ่ง

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลจังหวัดระยอง เข้าค้นบ้านเลขที่แห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ซึ่งสืบทราบว่าเป็นที่อยู่ของ ผู้ที่ใช้ชื่อ เพจเฟซบุ๊กว่า “Watcharakon Taweesinsoontron” ผลการตรวจค้นพบ นายวัชรากร ทวีสินสุนทร แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน และตรวจสอบโทรศัพท์มือถือก็พบว่าเป็นเจ้าของ เพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งได้โพสต์ข้อความว่า “น้องที่โดน ค.ฝ. ขับรถกระบะชน แล้วลงมา กระทืบซ้ำอีก…ขณะนี้เสียชีวิตแล้ว ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องด้วย…เราคนไทยยัง จะปล่อยให้พวกมันทำแบบนี้กันต่อไปอีกหรือ…ไม่ออกมาช่วยเด็กๆกันครับ” โพสต์เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา

“เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว บุคคลที่ผู้โพสต์กล่าวอ้างยังพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ และมีอาการดีขึ้น โดยไม่ได้เสียชีวิตตามที่โพสต์แต่อย่างใด เจตนาผู้โพสต์ เป็นการสร้างข่าวปลอมเพื่อให้มีคนมาชุมนุมมากขึ้น ซึ่งการโพสต์ข้อความในลักษณะดังกล่าวของนายวัชรากร เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ ประชาชน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 สน.ดินแดง ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ ในคดีอาญาที่ 579/2564 พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว และในวันนี้ 14 ก.ย. 2564 จะได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญา” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทาง บช.น. จะดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทาความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ความรุนแรง วางเพลิงเผาทรัพย์ และก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งหากเยาวชนได้กระทำความผิด ผู้ปกครองอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ด้วยเช่นกัน สรุปการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 205 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 767 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 522 คน

ส่วนกรณี จับกุมผู้ชุมนุม 11 คน เป็น แอดมิน 2 เพจ สำนักข่าวราษฎรและปล่อยเพื่อนเรานั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เป็นบุคคลออกมานอกเคหะสถานในเวลาที่มีการกำหนดห้ามออกมาโดยไม่มีเหตุอันควร จากการตรวจสอบของ 6 สมาพันธ์องค์กรสื่อ ไม่ได้มีการยืนยันว่าแอดมินเพจดังกล่าวเป็นนักข่าว ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีการห้อยบัตรของสำนักข่าววอยซ์อยู่ ต้องมีการรับรองถือว่าเป็นผู้สื่อข่าว ถ้าไม่รับรองต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่า กรณีฟรีแลนซ์ ยูทูบเบอร์ ทางสมาพันธ์สื่ออยู่ระหว่างจัดระเบียบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศต้องปฏิบัติตามสื่อมวลชนโดยทั่วไปโดยมีการยืนยันต้นสังกัด สัญลักษณ์บอกฝ่าย ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ทำข่าว เนื่องจากในพื้นที่มีตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แพทย์พยาบาล หน่วยกู้ภัย นอกเหนือจากนี้ยังมีสื่อมวลชนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อรายงานข่าว หากไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้เป็นสื่อมวลชนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนการเข้ามาสังเกตการณ์ต้องมีการทำหนังสือส่งมาให้รับทราบ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแฝงตัวของมือที่สามเข้ามาก่อเหตุความวุ่นวาย

ส่วนกรณีกลุ่มทะลุแก๊สจะประกาศการชุมนุมอีกนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การชุมนุมการเรียกร้องประชาชนสามารถทำได้แต่ขณะนี้มีกฎหมายกรณีพิเศษ การกระทำต้องดำเนินการตามบริบทกฎหมาย บริเวณสามแยกดิตแดงมาเพื่อก่อเหตุความวุ่นวาย ถ้าตำรวจไม่ดำเนินการถือว่าเป็นการละเว้น เพื่อทำให้กรณีดังกล่าว ส่วนชาวแฟลตดินแดงร้องกระทรวงยุติธรรมกำชับตำรวจ สน.ดินแดง เรื่องการแจ้งความหรือไม่นั้น การแจ้งความทยอยมาเรื่อยๆ มีการทุบทำลายบ้านเรือน แฝงตัวแอบบนระเบียงแฟลต 1 เพื่อใช้ชาวแฟลตดินแดงเป็นโล่กำบังมีการแจ้งความบ้างแล้ว ผู้ถูกผู้ชุมนุมทำร้ายร่างกายส่วนหนึ่ง.