นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปริมาณเงินฝากในหลายประเทศรวมถึงในไทยเพิ่มขึ้นมากในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยในไทยช่วงเดือน ก.พ.63 ถึง มิ.ย.64 ปริมาณเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 1.6 ล้านล้านบาท โดยกว่า 91% มาจากจำนวนเงินฝากในบัญชีขนาดใหญ่มากกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป
ส่วนการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก แม้จำนวนผู้ฝากเงินที่ถูกกระทบคิดเป็น 2% ของผู้ฝากเงินทั้งหมด แต่จำนวนเงินฝากที่ถูกกระทบ คิดเป็นประมาณ 80% ของจำนวนเงินฝากรวม นับตั้งแต่ วันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ปรับลดวงเงินความคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายชื่อผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน ครอบคลุมสถาบันการเงินรวม 35 แห่ง โดยประเภทเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ได้แก่ เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ บัตรเงินฝาก และ ใบรับฝากเงิน ซึ่งต้องเป็นสกุลเงินบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ พบว่า วงเงินความคุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาท ยังคุ้มครองกลุ่มผู้ฝากเงินรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ ได้กว่า 98% ของผู้ฝากเงินทั้งหมดของระบบสถาบันการเงิน ขณะที่ กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบ คือ ผู้ที่มีเงินฝากในบัญชีมากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเพียง 2% ของผู้ฝากเงินทั้งหมดของระบบสถาบันการเงิน แต่จำนวนเงินที่ถูกกระทบกลับคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 80% ของจำนวนเงินฝากรวม ดังนั้น ผู้ฝากเงินที่มีจำนวนเงินในบัญชีมากกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป จึงอาจมีความกังวลมากขึ้น เมื่อเงินฝากส่วนใหญ่อาจไม่ได้รับความคุ้มครอง ในกรณีที่สถาบันการเงินซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากปิดกิจการ หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต และผู้ฝากเงินจะได้รับเงินคืนเพิ่มเติมหลังจากการชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ปิดกิจการแล้ว
ตลาดการเงินมีทางเลือกหลากหลาย โดยผู้ฝากเงินควรเลือกให้เหมาะกับความเสี่ยงและระยะเวลาที่ต้องการใช้เงิน สำหรับทางเลือกของผู้มีเงินฝาก SCB CIO มองว่าตลาดการเงินมีทางเลือกหลากหลายที่จะสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงและช่วยให้ผู้ฝากเงินสามารถวางแผนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนบางส่วนให้กับเม็ดเงินฝากได้
ผลิตภัณฑ์เงินฝากเดิมทั้ง เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ บัตรเงินฝาก รวมถึงใบรับฝากเงิน แม้จำนวนเงินสูงสุดที่ได้รับความคุ้มครองจะลดลง แต่ผลิตภัณฑ์เงินฝากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงของความผันผวนของราคาสินทรัพย์ได้ แลกกับผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ โดยการกระจายเงินฝากไปยังสถาบันการเงินหลายแห่งที่อยู่ในความคุ้มครอง และไม่กระจุกฝากเงินไว้เพียงสถาบันการเงินเดียว เป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด
นอกจากตลาดเงินฝากที่ผู้ฝากเงินใช้ผลิตภัณฑ์เงินฝากเดิมอยู่แล้ว สำหรับผู้ฝากเงินที่สามารถรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้ ตลาดตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการลงทุนในผลิตภัณฑ์กองทุนรวมตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้ในประเทศ เป็นอีกหนึ่งในทางเลือกที่มีความน่าสนใจ ผู้ฝากเงินอาจเริ่มพิจารณาทางเลือกในการออมเงินเพิ่มเติม โดยพิจารณาแบ่งเงินลงทุนบางส่วนลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ซึ่งค่อนข้างมีความปลอดภัยสูง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศ และหากผู้ฝากเงินเข้าใจความเสี่ยงรายบริษัทเป็นอย่างดี อาจพิจารณาเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน หรือ หุ้นกู้บริษัทมหาชนชั้นนำ ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตตามความเสี่ยงที่เหมาะสมกับผู้ลงทุนได้