นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงการดำเนินคดี ดิไอคอน กรุ๊ป ว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการใน ครม.ให้แต่ละหน่วยงาน ไปเร่งพิจารณาปรับแก้ไขข้อกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนกระทรวงการคลัง มี พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งมีการใช้งานมานานมากแล้ว ควรจะปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้มีความทันสมัย เป็นปัจจุบันมากขึ้น จึงมอบให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณารายละเอียดทั้งหมดว่าจะต้องปรับเปลี่ยน หรือปรับปรุงอะไร ให้ทันต่อเหตุการณ์ และจะหารือกับ สศค. อีกครั้งในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ในส่วนของกรมสรรพากรนั้น ได้ไปตรวจสอบรายละเอียดเรื่องการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของ 18 ผู้ต้องหา โดยพบข้อมูลว่า มีบางรายที่มีรายได้แต่ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ซึ่งในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรที่จะต้องดูรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง และต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ขณะเดียวกันคลังได้ออกหนังสือไปยังสถาบันการเงินเพื่อขอให้ส่งข้อมูลเพื่อนำมาตรวจสอบการเสียภาษีทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคล โดยหากฝ่ายสืบสวนมีการประสานขอข้อมูลมา กระทรวงการคลังก็พร้อมยินดีให้ความร่วมมือส่งข้อมูลให้เต็มที่
“เท่าที่ได้รับรายงานจากกรมสรรพากร พบว่ามีผู้บริหารของดิไอคอนบางรายไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่ากี่ราย ที่ไม่ยื่นหรือยื่นแบบไม่ตรง โดยหลังจากนี้กรมสรรพากร ต้องไปดูต่อรายที่ยื่นแบบแล้วรายได้ไม่ตรงกับที่แจ้ง มีส่วนเกินมาจากไหน หากมีความผิดก็ต้องดำเนินคดี ในการชำระภาษีเพิ่ม พร้อมจ่ายเบี้ยปรับ อย่างไรก็ตาม การไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องชี้แจงให้ได้ว่าปีนั้น ๆ มีรายได้เข้ามาจากไหน ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งก็ต้องมาพิสูจน์ทราบกันต่อไป”