ซึ่ง “กับเด็ก ๆ ผู้ใหญ่ก็อย่าละเลยการช่วยระวังภัยฝุ่น”… ทั้งนี้ ฝุ่น PM 2.5 นั้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้หลากหลาย เช่น ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ เกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนัง เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ เกิดโรคทางเดินหายใจ เกิดโรคปอด ไปจนถึงมะเร็งปอด ซึ่งตัวฝุ่นก็เป็นพาหะนำสารพิษสารก่อมะเร็งเข้าร่างกายได้…

และ “ภัยต่อสุขภาพตา” นี่ก็ “เกิดขึ้นได้”

สำหรับผู้ใหญ่ก็อาจจะรุนแรงไม่มากนัก

แต่ “กับเด็กนั้นผู้ใหญ่ต้องช่วยระวังให้ดี”

ทั้งนี้… “หากพบว่าเด็กตาแดงมาก ๆ, ขี้ตามีสีเขียวหรือสีเหลือง, เจ็บตาหรือปวดตารุนแรง, มีปัญหาการมองเห็น เช่น ตามัวลง เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน มองเห็นแสงกระจายเป็นรัศมีรอบ ๆ, มีเลือดออกในดวงตา แสดงว่าดวงตาของเด็กนั้นมีการติดเชื้อ ซึ่งควรรีบพาเด็กไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน!!” …นี่เป็นส่วนหนึ่งจากการ “เตือนภัยฝุ่น PM 2.5 ต่อดวงตาเด็ก” ที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” พลิกแฟ้มมาสะท้อนเตือนย้ำกันไว้ จากข้อมูลคำแนะนำของทาง สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

จากข้อมูลเตือนภัยสุขภาพเด็กในกรณีดังกล่าวนี้…ก็ได้มีการระบุไว้ว่า… “ดวงตา” ซึ่งจัดว่าเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน ที่สามารถจะได้รับผลกระทบได้ง่ายจากการสัมผัสโดยตรงกับมลพิษในอากาศ-กับฝุ่น จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว “ฝุ่น PM 2.5” ที่มีความรุนแรงและลุกลามในหลาย ๆ พื้นที่ ก็อาจจะส่งผลทำให้ดวงตา “สัมผัสกับฝุ่นได้ง่าย” และหากว่าเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองดวงตาขึ้นได้ ซึ่งอาการนี้ อาจจะเกิดเป็นระยะเวลาสั้น ๆ และไม่ค่อยส่งผลทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อดวงตา…ในกรณีผู้ใหญ่ แต่…ต้องยกเว้นใน “เด็ก” ที่หากว่า “มีความผิดปกติของดวงตา”…

อาจจะ “แพ้รุนแรงจากการสัมผัสฝุ่น!!”

และ “มีเด็กบางกลุ่มที่อาจยิ่งอันตราย”

ข้อมูลการเตือนภัยเด็กในส่วนของกรมการแพทย์นั้น ได้มีการระบุถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า… “เด็กที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ขึ้นตาเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงมากที่สุด” โดยเฉพาะเมื่อดวงตาสัมผัสฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นก็จะมีตั้งแต่…รู้สึกไม่สบายตาเรื้อรัง เช่น เคืองตา คันตา รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในตา ตาแห้ง ขยี้ตาบ่อย ๆ กะพริบตาหรือขยิบตาถี่ ๆ และมีอาการ ตาแดงแบบเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งในกรณีที่อาการรุนแรงมากก็อาจจะทำให้เกิดภาวะ เยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาอักเสบ และหากรู้ไม่เท่าทัน หากปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้ “กระจกตาถูกทำลาย”…

เด็กจะ “ตาพร่ามัว-มีปัญหาการเห็นสี!!”

“มีผลระยะยาวต่อการมองเห็นของเด็ก”

ทั้งนี้ จากที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” พลิกแฟ้มสะท้อนต่อข้อมูลโดยสังเขปเกี่ยวกับ “ภัยฝุ่น PM 2.5 ต่อดวงตาเด็ก” มาข้างต้น ก็น่าจะฉายภาพได้ชัดในระดับหนึ่งแล้วว่า… กับเด็ก ๆ โดยเฉพาะ “เด็กเล็ก ๆ” นั้น หากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้มีการช่วยระวังป้องกันภัยฝุ่นให้อย่างมากพอ ก็อาจจะเกิด “ปัญหาสุขภาพตา” ขึ้นได้!! เมื่อเด็ก ๆ มีการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่เป็น “ฝุ่นพิษ” เป็นระยะเวลานาน ๆ ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ได้มีการป้องกันไม่ให้ดวงตาสัมผัสถูกฝุ่นละออง หรือก็มีการป้องกันแต่ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ก็อาจจะส่งผลเสียโดย “ทำให้เกิดอันตรายรุนแรงต่อดวงตาของเด็ก ๆ ได้!!”

ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองป้องกันลูกหลานให้รัดกุมไว้ก่อนเป็นดีที่สุด ซึ่งก็มีข้อมูลโดยกลุ่มงานจักษุวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ที่แนะนำไว้ว่า… แม้ดวงตาจะเป็นอวัยวะที่ยากต่อการป้องกันการสัมผัสฝุ่น ซึ่งต่างจากจมูกหรือปากที่ใส่หน้ากากป้องกันได้ แต่ก็มีข้อควรปฏิบัติคือ… หลีกเลี่ยงการให้เด็กอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นควันหนาแน่น หลีกเลี่ยงการให้เด็กทำกิจกรรมนอกบ้านในช่วงที่มีค่าฝุ่นในระดับสูง เมื่อต้องออกนอกบ้านควรให้เด็กสวมใส่แว่นตาหรือแว่นกันแดดที่มีขอบด้านบนและด้านข้างเพื่อป้องกันฝุ่น และ เด็กที่ใส่คอนแทคเลนส์หากต้องอยู่ในสถานที่ที่มีฝุ่นควันเยอะ ๆ ควรให้เปลี่ยนใช้แว่นตาแทน เพราะการใส่คอนแทคเลนส์อยู่ อาจเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อที่ดวงตาได้

นี่เป็นวิธีระวัง “อันตราย” ให้กับ “เด็ก ๆ”

วิธีป้องกัน “ภัยดวงตาจากฝุ่น PM 2.5”

และแม้จะป้องกันแล้ว…แต่หากว่าลูกหลานมีอาการแสบตาหรือเคืองตาอันเนื่องจากฝุ่น… ในเบื้องต้นก็ควร ให้เด็กกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้ฝุ่นหลุดออกเร็วขึ้น, ใช้น้ำสะอาดล้างตาให้เด็ก โดยให้น้ำไหลผ่านดวงตาเพื่อล้างเอาฝุ่นออก, ห้ามสัมผัสดวงตาเด็ก แม้แต่การใช้สำลี เพราะอาจทำให้ผิวกระจกตาเกิดการถลอกได้ ซึ่งก็ต้องห้ามเด็กไม่ให้ขยี้ตาด้วย และถ้าเป็นไปได้ก็ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยรักษา โดยเฉพาะถ้ามีอาการรุนแรงดังที่ระบุไว้ในตอนต้น

ผู้ใหญ่ต้องระวัง…และก็ “ต้องระวังให้เด็ก”

“ระวังภัย PM 2.5” โดย “รวมถึงดวงตา”

“อย่าประมาท”…อาจร้ายแรงเกินแก้!!.